นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร บมจ. เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) กล่าวถึง แนวโน้มผลการดำเนินงานปี 65 ว่า จะดีขึ้นจากปีที่ผ่านมา จากการคาดการณ์ว่าภาพรวมเศรษฐกิจฟื้นตัว สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ที่คลี่คลาย ส่งผลให้มีความต้องการบริโภคมากขึ้น ขณะเดียวกัน บริษัทได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาประสิทธิภาพในการผลิตและการขาย ด้วยการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกับสังคมรูปแบบใหม่ (new normal)
สำหรับผลการดำเนินงานประจำปี 2564 มียอดขายรวมอยู่ที่ 512,704 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 13,028 ล้านบาท พร้อมอนุมัติจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นรวมทั้งสิ้นในอัตราหุ้นละ 0.65 บาท
ทั้งนี้ ยอดขายดังกล่าวลดลง 13% จากปีก่อน เป็นผลจากการเปลี่ยนสถานะจากบริษัทย่อย เป็นบริษัทร่วมของ Chia Tai Investment Co., Ltd. เมื่อเดือนธันวาคม 2563 หากไม่นับผลกระทบจากการเปลี่ยนสถานะดังกล่าว รายได้จากการขายในปี 2564 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 10%
ปัจจัยสำคัญที่มีผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจในช่วงที่ผ่านมา ประกอบด้วยสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 และมาตรการปิดเมืองเพื่อควบคุมการระบาดของโรค โดยเฉพาะในประเทศไทยและประเทศเวียดนามที่ส่งผลต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค และทำให้ต้นทุนในการดำเนินงานของภาคธุรกิจสูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทฯ ต่ำกว่าปี 63 มีปัจจัยหลักมาจากระดับราคาสุกรในประเทศเวียดนามและประเทศไทยที่ลดลงอย่างมากในช่วงครึ่งปีหลัง ประกอบกับต้นทุนวัตถุดิบในการผลิตอาหารสัตว์ปรับตัวสูงขึ้นจากปีก่อน รวมทั้ง ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนที่ลดลง 5,087 ล้านบาทจากปี 63 ซึ่งเป็นผลจากการดำเนินงานของบริษัทร่วมในประเทศจีน แคนาดา และผลการดำเนินงานของบมจ.ซีพีอออลล์ (CPALL) ที่ลดลง
คณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติให้เสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2565 เพื่อพิจารณาอนุมัติการจ่ายเงินปันผลประจำปี 64 ให้แก่ผู้ถือหุ้นรวมทั้งสิ้นในอัตราหุ้นละ 0.65 บาท โดยเงินปันผลดังกล่าว บริษัทฯ ได้มีการจ่ายครั้งแรกเป็นเงินปันผลระหว่างกาลให้แก่ผู้ถือหุ้นแล้วในอัตราหุ้นละ 0.40 บาท เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2564 คงเหลือเป็นเงินปันผลจ่ายครั้งที่สองในอัตราหุ้นละ 0.25 บาท โดยเป็นการจ่ายจากกำไรส่วนที่หักผลขาดทุนทางภาษี ซึ่งผู้รับเงินปันผลต้องถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในประมวลรัษฎากร แต่ผู้รับเงินปันผลที่เป็นบุคคลธรรมดาจะไม่ได้รับเครดิตภาษีตามมาตรา 47 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร