นายประกรณ์ เมฆจำเริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น (STARK) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งงบลงทุนในปี 65 ไว้ราว 800-1,000 ล้านบาท เพื่อใช้ลงทุนปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต และเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต ราว 300-350 ล้านบาท ในส่วนที่เหลือจะใช้ในการลงทุนตั้งโรงงานผลิต Submarine Cable โดยคาดว่าจะสามารถเริ่มเดินเครื่องการผลิตได้ในช่วงไตรมาส 1/66
สำหรับทิศทางผลประกอบการในปี 65 บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ไว้ที่ 30,000-32,500 ล้านบาท และมีกำไรก่อนหักภาษีและค่าเสื่อม (EBITDA) ที่ 20-21%
ปัจจุบัน บริษัทมีงานในมือที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) อยู่ที่ 12,329 ล้านบาท ซึ่งจะสามารถรับรู้รายได้ส่วนใหญ่ในปีนี้ ได้แก่ งานในประเทศไทยมูลค่า 8,211 ล้านบาท อาทิ โครการจากการไฟฟ้านครหลวง รถไฟฟ้าสายสีส้ม และงานโครงการของ บมจ.ไทยออยล์ (TOP) เป็นต้น ขณะที่มีงานในประเทศเวียดนามมูลค่า 4,118 ล้านบาท อาทิ โครงการพลังงานทดแทน โครงการจากการไฟฟ้าเวียดนาม และโครงการสนามบิน เป็นต้น
นอกจากนี้ บริษัทได้พัฒนาสินค้ากลุ่ม High-Margin เพิ่มเติม คือ สายไฟ HVDC Cable ,สายไฟ Floating cable และ Underground cable ที่เริ่มจำหน่ายภายในปีนี้ ขณะเดียวกันยังได้เน้นการขยายตลาดไปยังต่างประเทศมากยิ่งขึ้น โดยในปี 65 บริษัทตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มประเทศเพื่อส่งออกไปเป็นไม่ต่ำกว่า 50 ประเทศทั่วโลก จากปีก่อนที่มีการส่งออกสินค้าไปแล้ว 42 ประเทศ
"ในประเทศเวียดนามจะเป็นฐานการส่งออกอีกแห่งหนึ่ง นอกเหนือจากประเทศไทย เนื่องจากมีต้นทุนการผลิตที่ต่ำกว่าทั้งหลายๆด้าน และยังมีสิทธิประโยชน์ทางด้านภาษีที่ผูกอยู่กับหลายๆประเทศ ทำให้ได้เปรียบในการแข่งขัน ในขณะเดียวกันประเทศเวียดนามยังต้องมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ซึ่งไฟฟ้าเป็นปัจจัยหลักอย่างหนึ่งทีค่จะต้องมีการพัฒนา เป็นปัจจัยหนึ่งที่เข้ามาสนับสนุนการเติบโตของยอดขายบริษัทในปี 65 นี้"นายประกรณ์ กล่าว