ดัชนีสเตรทส์ไทม์ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดร่วงลงในวันนี้ (13 ธ.ค.) เช่นเดียวกับตลาดหุ้นอื่นๆในเอเชีย เนื่องจากนักลงทุนต่างวิตกกังวลว่าวิกฤติซับไพรม์ทั่วโลกอาจเลวร้ายลงอีก
แม้ธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟดจะร่วมมือกับธนาคารกลางยุโรป ธนาคารกลางแคนาดา อังกฤษ และสวิตเซอร์แลนด์ ในการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ตลาดการเงินครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2544 หลังเกิดเหตุก่อการร้าย 11 ก.ย. แต่แผนดังกล่าวก็ไม่สามารถบรรเทาความวิตกกังวลในตลาดได้
"เราสามารถมองแผนการของเฟดได้ในหลายแง่มุม" คาร์เมน ลี หัวหน้านักวิจัยจาก OCBC Investments กล่าว "และในมุมหนึ่งก็สามารถมองได้ว่า สถานการณ์ในตอนนี้ค่อนข้างน่าเป็นห่วงจนเฟดต้องยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ"
สำนักข่าวธอมสันไฟแนนเชียลรายงานว่า ดัชนีสเตรทส์ไทม์ร่วง 69.94 จุด หรือ 2.0% ปิดที่ 3,479.31 จุด หลังเคลื่อนไหวในกรอบ 3,470.83 และ 3,560.86 จุด มีปริมาณการซื้อขาย 1.6 พันล้านหุ้น มูลค่า 2.08 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์
นักลงทุนต่างเทขายหุ้นกลุ่มธนาคารเนื่องจากวิตกว่าธนาคารต่างๆอาจมีหนี้สูญมากขึ้นจากวิกฤติซับไพรม์ หลังธนาคารแบงค์ ออฟ อเมริกา ธนาคารวาโชเวีย และบริษัทพีเอ็นซี ไฟแนนเชียล เซอร์วิสเซส ประกาศตั้งสำรองหนี้สูญและลดคาดการณ์ผลประกอบการไตรมาสสี่
"เราคิดว่าปัจจัยในแง่ลบจะยังคงส่งผลกระทบต่อภาคส่วนดังกล่าวไปจนหลังไตรมาสแรกของปีหน้าเป็นอย่างน้อย" นักวิเคราะห์จาก CIMB-GK Research กล่าว
หุ้นดีบีเอส กรุ๊ป ลดฮวบ 80 เซนต์, หุ้นยูโอบี ลดลง 30 เซนต์ และ หุ้นโอซีบีซี ลดลง 20 เซนต์
หุ้นคอสโค คอร์ป สิงคโปร์ ลดลง 45 เซนต์ หลังมหาเศรษฐี ลี คา-ชิง ขายหุ้นบางส่วนในบริษัท ไชน่า คอสโค ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของคอสโค คอร์ป สิงคโปร์
หุ้น เซมบ์คอร์ป มารีน ขยับลง 8 เซนต์
ในขณะที่หุ้นเนปจูน โอเรียนท์ ไลน์ส ลดลง 18 เซนต์ หลัง CIMB-GK Research ปรับลดระดับความน่าลงทุนของบริษัท จากระดับ "neutral" เป็น "underperform" เนื่องจากเกรงว่าบริษัทจะได้รับผลกระทบจากสภาพเศรษฐกิจสหรัฐที่กำลังชะลอตัว
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปรียพรรณ มีสุข/ปนัยดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--