นางสาวสุธิดา มงคลสุธี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ซินเน็ค (ประเทศไทย) (SYNEX) เปิดเผยว่า บริษัทได้ขยายอีโคซิสเต็มจับมือกับพาทเนอร์รายใหม่เข้ามาเสริมความแกร่งให้ธุรกิจ รองรับความต้องการผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น และครบวงจร โดยเฉพาะสินค้าที่เป็นเทรนด์ของโลก เช่น กลุ่ม Lifestyle, Smart Health และ Gaming ล่าสุดประกาศจับมือ NADZ และ NGIN รุกตลาดเกมคอนโซลอย่างเต็มรูปแบบ คาดจะเห็นความคืบหน้าเร็วๆ นี้ รวมทั้ง การต่อยอดธุรกิจผ่าน ซินเน็ค อินคิวท์เบชั่น (Synnex Incubation) คาดจะเห็นความคืบหน้าในบริษัท สวอป มาร์ท จำกัด (SWOPMART) ซึ่งเป็นบริษัทแรกที่ได้เข้าไปลงทุนเก็บเกี่ยวผลงานและกางโปรเจ็คต์ใหม่ในเร็วๆ นี้เช่นกัน
"โลกในยุคปัจจุบัน ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี และแน่นอนว่า จะส่งผลดีต่อซินเน็คฯ ในฐานะที่เราเป็นผู้นำในตลาดนี้ และสามารถทำผลงานปี 64 ที่ประกาศออกมาได้อย่างน่าประทับใจ รับความต้องการผู้บริโภค และองค์กรธุรกิจ ที่ต้องปรับตัว นำไอทีและเทคโนโลยีขับเคลื่อนการทำงาน การเรียนการสอน และเชื่อมต่อในโลกออนไลน์มากขึ้น ทำให้ซินเน็คฯ ยังมีอีกหลายภารกิจที่ต้องเดินหน้าต่อ และไม่หยุดที่จะพัฒนามุ่งสู่การเป็นผู้นำด้านไอทีอีโคซิสเต็มได้อย่างชัดเจนตามเป้าหมายในปี 65 ที่เราวางไว้ รวมถึงการจับมือพันธมิตรรายใหม่ๆ เข้ามาต่อยอดธุรกิจ ซึ่งคาดว่าจะเป็นโอกาสทองของเราให้เติบโตต่อไปด้วยเป้าหมายที่ใหญ่ขึ้น" นางสาวสุธิดา กล่าว
ล่าสุด ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติเพิ่มทุนจดทะเบียนในบริษัท เซอร์วิส พ้อยท์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย จำนวน 100,000,000 บาท จาก 15,000,000 บาท เป็น 115,000,000 บาท มูลค่าหุ้นละ 100 บาท โดยการออกหุ้นสามัญใหม่ 1,000,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 100 บาท และอนุมัติเรียกชำระค่าหุ้นของบริษัท ซินเน็ค อินคิวท์เบชั่น จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย จำนวน 1,000,000 หุ้น เพิ่มหุ้นละ 65 บาท เป็นจำนวนเงิน 65,000,000 บาท และ เพิ่มทุนจดทะเบียน 155,000,000 บาท จาก 100,000,000 บาท เป็น 255,000,000 บาท มูลค่าหุ้นละ 100 บาท โดยออกหุ้นสามัญใหม่จำนวน 1,550,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 100 บาท เพื่อเป็นการเพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ และเสริมความแข็งแกร่งในการต่อยอดไอทีอีโคซิสเต็ม
สำหรับผลประกอบการไตรมาส 4/64 กำไรทำสถิติสูงสุดใหม่ เป็นไตรมาสที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทฯ โดยมีรายได้จากการขายและให้บริการ 11,170.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,479.2 ล้านบาท หรือ 28.53% มีกำไรขั้นต้น 528.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 176.5 ล้านบาท หรือ 50.19% และมีกำไรสุทธิ 265.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 91.2 ล้านบาท หรือ 52.26% จากงวดเดียวกันของปีก่อน
ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นพุ่งสูงต่อเนื่องที่ 4.73% จากช่วงไฮซีซั่นธุรกิจ มีการเปิดตัวสินค้าใหม่ และมาตรการภาครัฐกระตุ้นเศรษฐกิจหนุนกำลังซื้อเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะ สินค้ากลุ่มแอปเปิ้ลที่เข้ามาช่วยเสริมการเติบโตอย่างโดดเด่น ยอดการสั่งจองรุ่น iPhone 13 ล้นหลาม รวมทั้ง สินค้ากลุ่ม iPad, Air Pods 3, MacBook Pro, Apple watch Series7 ที่เข้ามาเสริมทัพ เป็นอีกแรงกระตุ้นตลาดสินค้าเทคโนโลยี ขณะที่ สินค้าสมาร์ทโฟนแบรนด์ชั้นนำเสิร์ฟความต้องการผู้บริโภคที่ต้องการเปลี่ยนอุปกรณ์สื่อสารรับยุค 5G มากขึ้น
ตลอดทั้งปี 64 ซินเน็คฯ สามารถทำรายได้จากการขายและให้บริการ 37,085.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4,936.7 ล้านบาท หรือ 15.36% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรขั้นต้น 1,783.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 375.9 ล้านบาท หรือ 26.70% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยมีกำไรสุทธิ 856.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 214.6 ล้านบาท หรือ 33.43% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 4.81%
อย่างไรก็ดี ภาพรวมดีมานด์ของสินค้าบางกลุ่มได้รับการตอบรับมากขึ้น จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ตลอดช่วงระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา ทำให้เกิดพฤติกรรมใหม่ผู้บริโภค อาทิ การ Work from home การจัดประชุมผ่านออนไลน์ รวมถึงการซื้อขายสินค้า และธุรกรรมทางการเงิน เป็นปัจจัยบวกที่ส่งผลให้ผู้บริโภคมองหาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เพื่อมาอำนวยความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตมากขึ้น อีกทั้ง ยังมีนโยบายภาครัฐที่ช่วยกระตุ้นการซื้อสินค้า จากโครงการ ช้อปดีมีคืน หนุนบรรยากาศการจับจ่ายใช้สอยคึกคัก โดยเฉพาะสินค้าเทคโนโลยี