นายวิเวก ดาวัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เมก้า ไลฟ์ไซแอ็นซ์ (MEGA) เปิดเผยว่า บริษัทคาดผลประกอบการปี 65 จะสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง จากปีก่อนที่บริษัทมีรายได้ 14,182.36 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 1,946.83 ล้านบาท โดยได้รับปัจจัยหนุนจากภาพรวมความต้องการยาและอาหารเสริมที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ยังคงมีอยู่ ส่งผลให้จำเป็นต้องใช้ยาในการรักษาโรค และคนส่วนใหญ่มีความใส่ใจในสุขภาพมากยิ่งขึ้น แม้ว่าประชากรส่วนใหญ่ได้รับการฉีดวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ไปจำนวนมากแล้วก็ตาม
นอกจากนี้บริษัทได้เตรียมที่จะออกผลิตภัณฑ์ใหม่ประมาณ 23 รายการ โดยบริษัทยังคงมีผลิตภัณฑ์ที่อยู่ระหว่างการพัฒนาในมืออีกกว่า 176 รายการ ที่จะสามารถนำออกมาจำหน่ายได้อย่างต่อเนื่องในอนาคต เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งในตลาดต่างประเทศมีการฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่อง
สำหรับในเดือน ม.ค.-ก.พ. ที่ผ่านมา ยอดขายยังคงมีอัตราการเติบโตที่ดี ซึ่งบริษัทยังคงมั่นใจว่าจะสามารถผลักดันผลประกอบการให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ภายในปี 66-68 จะมีกำไรสุทธิที่เติบโตเพิ่มเป็นเท่าตัว หรือแตะที่ระดับ 2,400-2,500 ล้านบาท โดยบริษัทยังคงมีแผนการขยายตลาดต่อเนื่องในประเทศอินโดนีเซีย และยังอยู่ในช่วงของการพิจารณาเพื่อลงทุนขยายกำลังการผลิตในโรงงานแห่งใหม่ และ คลังสินค้า รองรับโอกาสการเติบโตสูง
ด้านผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมจากสารสกัดจากกัญชง และ กัญชา บริษัทได้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ไว้แล้วทั้งในส่วนของอาหารเสริม เครื่องดื่ม และ ยา แต่อย่างไรก็ตามยังคงต้องรอความชัดเจนของหน่วยงานภาครัฐให้สามารถผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่มีสารสกัดจากกัญชง และ กัญชา
ทั้งนี้บริษัทยังคงเปิดโอกาสและมองหาการลงทุนใหม่ๆ ทั้งในรูปแบบของการควบรวมกิจการ (M&A) และการร่วมทุน (JV) อยู่ตลอด ที่ผ่านมามีการศึกษามาบ้างแล้วแต่ยังคงไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน เพราะต้องใช้ระยะเวลาในการศึกษา และรอดูช่วงจังหวะที่เหมาะสมในการลงทุน เบื้องต้นวางงบประมาณในส่วนนี้ไว้ราว 345 ล้านบาท