นายลิขิต เลาบวรเศรษฐี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บมจ.เอเชีย กรีน เอนเนอจี (AGE) เปิดเผยว่า บริษัทคาดแนวโน้มรายได้ในไตรมาส 1/65 ดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน หลังจากราคาถ่านหินปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าปริมาณขายถ่านหินน่าจะใกล้เคียงกัน ขณะที่บริษัทยังคงรักษาอัตรากำไรขั้นต้นไม่น้อยกว่า 12% จากการบริหารจัดการโลจิสติกส์ ทำให้มีความสามารถในการแข่งขันสูงขึ้น
นอกจากนี้ บริษัทยังเตรียมรับรู้รายได้จากการจำหน่ายไอน้ำด้วยการติดตั้งบอยเลอร์เพื่อผลิตไอน้ำขายให้แก่ลูกค้า ภายใต้การดำเนินงานของบริษัท แอท เอนเนอจี โซลูชั่น จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนที่ AGE ถือหุ้นอยู่ 45% เข้ามาในไตรมาส 1/65 อีกทั้งยังมีแผนการก่อสร้างอีก 1 โครงการในเวียดนามช่วงครึ่งปีแรกนี้ด้วย
สำหรับทั้งปี 65 บริษัทยังคงเป้าหมายรายได้ปีนี้ไว้ที่ 1.5 หมื่นล้านบาท เติบโตจากปีก่อนที่ทำได้ 1.29 หมื่นล้านบาท จากราคาถ่านหินที่อยู่ในระดับสูง และความต้องการใช้ถ่านหินที่เพิ่มขึ้น ทั้งในประเทศจีน อินเดีย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นหลัก เนื่องจากการใช้เชื้อเพลิงถ่านหินในภาคอุตสาหกรรมที่ส่วนใหญ่ใช้เผาเตาบอยเลอร์ผลิตไอน้ำ ปัจจุบันยังไม่มีเทคโนโลยีเข้ามาทดแทน ทำให้คาดว่าปริมาณการขายถ่านหินปีนี้จะอยู่ที่ 6.5 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่อยู่ที่ 5.11 ล้านตัน
ส่วนธุรกิจโลจิสติกส์ก็มีการเติบโตอย่างมาก ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ อีกทั้งบริษัทจะลงทุนขยายกองรถบรรทุกปีนี้เพิ่มอีก 10 คัน เพื่อรองรับแผนการเพิ่มประเภทบริการขนส่งสินค้า และการขยายพื้นที่ให้บริการ โดยตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนรายได้จากธุรกิจดังกล่าวเป็น 5% จากปีก่อนอยู่ที่ 4%
ขณะที่บริษัทยังตั้งเป้าระยะยาวที่จะผลักดันรายได้ให้เติบโตแตะ 1.9 หมื่นล้านบาทในปี 69 โดยจะมีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจโลจิสติกส์เพิ่มเป็น 10% จากปี 64 มีสัดส่วนรายได้อยู่ที่ 4% และที่เหลือเป็นการขายถ่านหิน 96%
นายลิขิต กล่าวว่า ด้านราคาถ่านหินในปีนี้ ค่อนข้างได้รับปัจจัยหนุนจากสถานการณ์ความไม่สงบในรัสเซียและยูเครน ซึ่งหากเหตุการณ์ยืดเยื้อ ยาวนานและรุนแรงขึ้นก็คาดว่าราคาเชื้อเพลิงก็จะเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง แต่หากจบได้ในระยะเวลาอันสั้น คาดว่าราคาถ่านหินก็น่าจะกลับมาอยู่ในระดับปกติ โดยบริษัทยังคงติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด และบริหารจัดการซัพพลายให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป