TYM คาดปี 51 โตไม่ต่ำกว่า 20% จากปีนี้, เพิ่มกำลังผลิตอีก 8 หมื่นตัน

          นายบุญชัย จิระพงษ์ตระกูล กรรมการผู้จัดการ บมจ.ไทยง้วนเมทัล(TYM)คาดว่า ผลประกอบการของบริษัทในปี 51 จะมีอัตราการขยายตัวไม่ต่ำกว่า 20% จากปี 50 โดยได้รับแรงสนับสนุนจากหลายๆ ส่วน ทั้งแนวโน้มของธุรกิจเหล็กที่ยังขยายตัวดีต่อเนื่อง ประกอบกับราคาขายเหล็กยังทรงตัวในระดับสูงและมีแนวโน้มว่าจะปรับตัวขึ้นไปได้อีก เนื่องจากราคาวัตถุดิบในตลาดโลกมีการปรับเพิ่มขึ้นมากและความต้องการเหล็กในตลาดโลกก็ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
          นอกจากนี้ ในปี 51 จะมีกำลังการผลิตใหม่ที่เพิ่มขึ้นประมาณ 80,000 ตัน/ปี หลังจากที่ได้ปรับวัตถุประสงค์การใช้เงินใหม่ จากแผนเดิมที่จะเพิ่มกำลังการผลิตอีก 50,000 ตัน/ปี โดยบริษัทวางแผนจะซื้อเครื่องตัดเหล็กแผ่นบาง 2 เครื่องและเครื่องตัดเหล็กแผ่นหนา 1 เครื่อง และเครื่องสลิตจำนวน 1 เครื่อง เนื่องจากเครื่องตัดเหล็กแผ่นที่มีอยู่ในปัจจุบันใช้อัตราการใช้กำลังการผลิตเต็มที่ ทำให้ผลิตสินค้าได้ไม่เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้า 
          และ TYM ยังมีเงินลงทุนเหลือ 20 ล้านบาทที่จะเก็บไว้ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
          นายบุญชัย กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทยังได้รับการแต่งตั้งเป็นตัวแทนจำหน่ายท่อเหล็กของผู้ผลิตรายใหญ่ที่ทำธุรกิจผลิตท่อเหล็กโดยตรง ซึ่งสามารถรองรับความต้องการของทั้งตลาดได้ จึงไม่จำเป็นที่ TYM ต้องผลิตท่อเหล็กเอง
          "ของเดิมที่วางไว้ก็คือสร้างโรงงาน 2 หลัง  ประมาณ 3600 ตารางเมตร  ซึ่งโรงงานขนาดเท่าเดิมเหมือนเดิมหมดทุกอย่างใช้เงินลงทุนประมาณ 40 ล้านบาท ตรงนี้ก็ยังเหมือนเดิม  แต่ที่จะเปลี่ยนเแปลงเป็นข้างในทั้งหมด เดิมคิดว่าจะตั้งสลิต 2 เครื่องและทำท่ออีก 2 เครื่อง กำลังการผลิตประมาณ 50,000 ตันต่อปี แต่ตอนนี้เรื่องการผลิตท่อมีรายใหญ่คือกลุ่มสหวิริยาฯ เข้ามาทำ มีการติดตั้งเครื่องทำท่อประมาณ 50-60 เครื่อง และ TYM  ก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นตัวแทนผู้จัดจำหน่าย  ดังนั้นเราคิดว่าไม่จำเป็นต้องผลิตเองแล้ว เนื่องจากทางสหวิริยาฯ สามารถซัพพลายสินค้าให้ TYM ได้ และพิสูจน์ว่าสามารถผลิตท่อได้ในราคาถูกกว่าที่ TYM ทำเอง จึงตัดสินใจว่าไม่ผลิตท่อแข่งดีกว่า"
          จากกรณีที่ TYM ต้องปรับแผนใหม่  คาดว่าจะสามารถนำเข้าเครื่องจักรใหม่ พร้อมทั้งติดตั้งและเดินเครื่องผลิตเชิงพาณิชย์ได้ภายในไตรมาส 2/51  โดยเครื่องจักรใหม่จะมีศักยภาพสูงกว่าของเดิมมากและจะทำให้มีกำลังการผลิตสูงขึ้นด้วย