นายธนโชติ รุ่งสิทธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บลจ.เอ็มเอฟซี (MFC) เปิดเผยว่า บริษัทเสนอขายกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี โกลบอล ออพพอร์ทูนิตี้ ทริกเกอร์ ซีรี่ส์ 2 (M-GOT2) ซึ่งเป็นกองทุนรวมผสมที่ลงทุนในต่างประเทศ ประเภท Trigger Fund ที่มีความยืดหยุ่น มีธีมการลงทุนใน 3 กลุ่มหลัก ที่มีโอกาสได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากเงินเฟ้อคือ 1.) Energy หรือกลุ่มธุรกิจด้านพลังงานที่เกี่ยวข้องกับ oil & exploration ที่มีแนวโน้มเติบโตจากสภาวะเงินเฟ้อที่สูงขึ้น เช่น ExxonMobil, Chevron และ Schlumberger
2.) Consumer Staples หรือสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตที่จะได้รับประโยชน์จากสภาวะเงินเฟ้อ เช่น P&G, Coca-Cola และ Walmart และ 3.) Selective Materials หรือกลุ่มอุตสาหกรรมโลหะอย่างทองแดงหรือเหล็กที่ได้รับแรงหนุนจากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวและขยายตัว เช่น Sumitomo Metal & Mining, Teck Resources และ Rio Tinto เป็นต้น
ทั้งนี้ กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี โกลบอล ออพพอร์ทูนิตี้ ทริกเกอร์ ซีรี่ส์ 2 หรือ M-GOT2 มีความเสี่ยงกองทุนอยู่ที่ระดับ 5 ด้วยเงินทุนโครงการ 2,000 ล้านบาท ไม่มีนโยบายการจ่ายเงินปันผล พร้อมเปิดให้จองซื้อหน่วยลงทุน (IPO) ระหว่างวันที่ 9 ? 15 มีนาคม 2565
นายธนโชติ กล่าวว่า ปัจจัยทางภาพรวมของสภาวะเศรษฐกิจที่สนับสนุนให้กองนี้น่าลงทุนในช่วงนี้ เพื่อคว้าโอกาสการลงทุนจากสภาวะเงินเฟ้อ ได้แก่ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ดีต่อเนื่อง ความไม่สมดุลของอุปสงค์และอุปทานหลังการเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ข้อจำกัดด้านห่วงโซ่อุปทาน (Supply chain) ที่ยืดเยื้อ ราคาพลังงานที่สูงขึ้น รวมถึงประเด็นภูมิรัฐศาสตร์รัสเซีย-ยูเครน ซึ่งจะหนุนให้อัตราเงินเฟ้อเร่งตัวสูงขึ้นและทรงตัวในระดับสูงในปีนี้
ในแง่ของการลงทุน บลจ.เอ็มเอฟซี จึงมองว่าเป็นโอกาสที่ดีในการลงทุนในกลุ่มหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งก็คือ กลุ่มพลังงาน กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค (Consumer Staples) ที่สามารถส่งผ่านต้นทุนที่สูงขึ้นไปยังผู้บริโภคได้ และกลุ่มอุตสาหกรรมโลหะอย่างทองแดงหรือเหล็ก (Materials) อีกทั้ง จากการศึกษาช่วงเวลาที่เงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้นในอดีตตั้งแต่ปี 1926 พบว่ากลุ่มหุ้นทั้งสามมีอัตราผลตอบแทนที่ดีและความความสัมพันธ์เชิงบวกกับอัตราเงินเฟ้อมากที่สุด (ที่มา: FMRCo, NBER, Haver Monthly data since 1926, Fidelity Investments, as of November 3, 2021) ทั้งนี้ M-GOT2 มีเงื่อนไขรับซื้อคืนอัตโนมัติ 2 ครั้งใน 6 เดือนแรกคือ ในช่วงอายุโครงการ 6 เดือนแรก นับแต่วันจดทะเบียนกองทรัพย์สินเป็นกองทุนรวมครั้งที่ 1 เมื่อกองทุนมี NAV ตั้งแต่ 10.30 บาท ขึ้นไป และกองทุนมีเงินสดเพียงพอที่จะชำระค่ารับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติ บริษัทจัดการจะดำเนินการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติ ให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนภายใน 5 วันทำการ ไม่ต่ำกว่าหน่วยลงทุนละ 0.30 บาท และครั้งที่ 2 เมื่อกองทุนมี NAV ตั้งแต่ 10.75 บาทขึ้นไป และมูลค่าหน่วยลงทุนที่จะทำการรับซื้อคืนอัตโนมัติต้องไม่ต่ำกว่า 10.70 บาท/หน่วย โดยในช่วงระยะเวลา 6 เดือนแรก นับแต่วันจดทะเบียนกองทรัพย์สินเป็นกองทุนรวม ผู้ลงทุนไม่สามารถขายคืนหรือ สับเปลี่ยนหน่วยลงทุนออกจากกองทุนนี้และหากครบกำหนดระยะเวลา 6 เดือน นับแต่วันจดทะเบียนกองทรัพย์สินเป็นกองทุนรวมแล้ว กองทุนไม่ได้ผลตอบแทนตามที่กำหนด กองทุนจะเปิดให้ผู้ถือหน่วยซื้อขายหน่วยลงทุนได้ทุกวันทำการ