ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กข้อมูลจ้างงานสดใส ดันดาวโจนส์ปิดพุ่ง 196.23 จุด

          ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแข็งแกร่งเมื่อคืนนี้ (5 ธ.ค.) หลังจากมีข้อมูลบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐยังคงขยายตัวได้ดีและไม่แข็งแกร่งเกินไปจนทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ลังเลที่จะลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก
          สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดพุ่งขึ้น 196.23 จุด หรือ 1.48% แตะระดับ 13,444.96 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดเพิ่มขึ้น 22.22 จุด หรือ 1.52% แตะระดับ 1,485.01 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดพุ่งขึ้น 46.53 จุด หรือ 1.78% แตะระดับ 2,666.36 จุด
          ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ประมาณ 1.43 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วนเกือบ 3 ต่อ 1
          ตลาดหุ้นนิวยอร์กทะยานขึ้นขานรับรายงานของ ADP ซึ่งเป็นองค์กรที่ให้บริการด้านข้อมูลจ้างงานของสหรัฐซึ่งระบุว่า ภาคเอกชนในสหรัฐมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 189,000 อัตราในเดือนพ.ย. ซึ่งรายงานดังกล่าวทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่เชื่อว่าตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรซึ่งกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยในวันศุกร์นี้นั้น จะออกมาแข็งแกร่งด้วยเช่นนี้
          นอกจากนี้ นักลงทุนยังให้น้ำหนักกับรายงานของกระทรวงแรงงานสหรัฐที่ระบุว่า ประสิทธิภาพการผลิตและต้นทุนแรงงานต่อหน่วยในประจำไตรมาส 3 เพิ่มขึ้นในอัตรา 6.3% ต่อปี ซึ่งเป็นการขยายตัวขึ้นในอัตราที่รวดเร็วที่สุดในรอบ 4 ปี
          "ตลาดหุ้นนิวยอร์กขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ผู้บริโภคชาวอเมริกันเริ่มมีความมั่นใจมากขึ้นว่าเศรษฐกิจของประเทศจะสามารถฟันฝ่าวิกฤตการณ์ในปัจจุบันไปได้" นายแจ็ค แอ็บลิน นักวิเคราะห์จากแฮร์ริส ไพรเวท แบงค์ กล่าว
          "นักลงทุนยังคงคาดการณ์ว่าเฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในการประชุมวันที่ 11 ธ.ค.นี้ เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจไม่ได้ออกมาร้อนแรงเกินไป โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาจากรายงานของสำนักงานจัดการด้านอุปทาน (ไอเอสเอ็ม) ที่ระบุว่า ธุรกิจภาคบริการของสหรัฐชะลอตัวลงในเดือนพ.ย. " นายแอ็บลินกล่าว
          นอกเหนือจากการประชุมเฟดแล้ว นักลงทุนยังจับตาดูการประชุมธนาคารกลางอังกฤษและยุโรปซึ่งจะจัดประชุมในวันเดียวกันคือวันพฤหัสบดีที่ 6 ธ.ค. หลังจากที่ธนาคารกลางแคนาดาประกาศลดอัตราดอกเบี้ยไปแล้วเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา
          ทั้งนี้ หุ้นอเมริกัน อินเตอร์เนชันแนล กรุ๊ป (เอไอจี) ปิดพุ่งขึ้น 4.9% หลังจากบริษัทได้แสดงความมั่นใจว่าจะสามารถรับมือกับวิกฤตการณ์ในตลาดปล่อยกู้จำนองได้ แม้ว่าอาจต้องมีการตัดบัญชีหนี้สูญในไตรมาส 4 ก็ตาม
          หุ้นแฟนนี เม ดีดขึ้น 2.7% หลังจากมีข่าวว่าบริษัทเฟรดดี แมค ประกาศลดเงินปันผลและขายหุ้นล็อตใหม่เพื่อระดมทุน ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นเฟรดดี แมค พุ่งขึ้น 7.3% ทั้งนี้ แฟนนี เม และเฟรดดี แมค เป็นหน่วยงานซึ่งรัฐบาลสหรัฐให้การสนับสนุน (GSE) และมีหน้าที่จัดหาสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย