นายพชร อารยะการกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บลูบิค กรุ๊ป (BBIK) กล่าวว่า การเข้าซื้อบริษัท จีเอ็มวีพาย จำกัด (GMVPI) เป็นหนึ่งในวิสัยทัศน์ของบริษัทฯเพื่อเสริมความแข็งแกร่งด้านบริการ ที่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้แบบ 360 องศา โดยบริษัทมองเห็นโอกาสการเติบโตทางธุรกิจร่วมกันกับ GMVPI อย่างยั่งยืน เพราะบริการด้าน SAP ได้เข้ามาช่วยเสริมความแข็งแกร่งด้านบริการให้กับลูกค้าทั้งปัจจุบันและอนาคตของบลูบิคได้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกันยังช่วยเสริมการเติบโตให้จีเอ็มวีพายในระยะยาว โดยในปี 65 บริษัทมีเป้าหมายในการเพิ่มรายได้จากบริการที่ปรึกษาด้าน SAP ไม่ต่ำกว่า 15 ล้านบาท
"ปัจจุบันพบว่าองค์กรที่ใช้ระบบ SAP อยู่แล้วส่วนใหญ่ยังใช้งานระบบ SAP ได้ไม่เต็มศักยภาพ ดังนั้นการทำ ERP Maximization ที่เป็นจุดแข็งของบริษัทฯจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้กับลูกค้า อีกทั้งนวัตกรรม LISMA ที่พัฒนาโดยจีเอ็มวีพายที่สามารถเชื่อมต่อระบบ SAP บนแพลตฟอร์ม LINE จะช่วยให้ลูกค้าสามารถใช้งานได้สะดวก ง่ายและปลอดภัยมากยิ่งขึ้นเพราะคนส่วนใหญ่คุ้นเคยกับการใช้ LINE อยู่แล้ว ดังนั้นบลูบิคจึงมั่นใจว่าทั้ง ERP Maximization และ LISMA จะเป็นกลไกที่ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของลูกค้าได้อย่างแน่นอน" นายพชร กล่าว
นายวรัทย์ ไล้ทอง กรรมการผู้จัดการและผู้ก่อตั้ง GMVPI กล่าวว่า บริษัทพบว่าปัจจุบันธุรกิจมีการนำระบบ SAP มาใช้แต่หลายแห่งกลับพบว่าไม่สามารถใช้งานระบบดังกล่าวได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ทำให้สูญเสียทั้งงบประมาณและโอกาสทางธุรกิจอย่างมหาศาล ซึ่งอาจมาจากการเลือกใช้ที่ปรึกษาที่ไม่มีความรู้ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในระบบ SAP มากพอ นอกจากนี้ยังมีกลุ่มองค์กรขนาดใหญ่ที่กำลังเร่งปรับปรุงและอัพเกรดระบบ SAP เวอร์ชันเดิมสู่เวอร์ชันใหม่ คือ S/4 HANA และต้องการที่ปรึกษาที่มีประสบการณ์สูงเพื่อการใช้งานระบบใหม่ดังกล่าวได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ จึงมองเห็นโอกาสที่จะเข้าไปช่วยเติมเต็มการใช้งานระบบ SAP ให้องค์กรธุรกิจสามารถใช้งานระบบ SAP ที่มีอยู่แล้วให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยการให้คำปรึกษาจะเน้นไปยัง 3 ประเด็นหลัก ดังนี้
1. Performance Tuning ให้คำแนะนำและแก้ไขปัญหาระบบ SAP ที่ทำงานช้า อันเกิดจากโปรแกรมที่ผู้พัฒนารายเดิมทำไว้ไม่ถูกต้องตามหลักการพัฒนาซอฟต์แวร์ ทำให้ไม่สามารถรองรับปริมาณข้อมูลบนระบบที่เพิ่มมากขึ้นในระยะยาวได้ โดยจะเน้นให้คำแนะนำตลอดจนแก้ไขตัวโปรแกรมที่มีปัญหาให้สามารถกลับมาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2. Enhancement & Reengineering แนะนำเพื่อปรับปรุงวิธีการทำงานบนระบบ SAP ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งจะครอบคลุมการวิเคราะห์และเสนอแนวทางเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน โดยจะเน้นที่การพัฒนาโปรแกรมเพิ่มเติมเพื่ออำนวยความสะดวกและลดข้อผิดพลาดในการทำงานให้กับกลุ่มผู้ปฏิบัติงานบนระบบ SAP
3. Problem Investigation ค้นหาสาเหตุของปัญหาหรือข้อผิดพลาดทางเทคนิคบนระบบ SAP ที่ผู้พัฒนารายเดิมทำไว้ โดยมุ่งเน้นไปที่การค้นหาต้นตอที่แท้จริงของปัญหา พร้อมทั้งดำเนินการแก้ไขอย่างครบวงจรและยั่งยืน
โดยยังมีจุดเด่นในการให้บริการที่แตกต่างจากผู้ให้บริการรายอื่น คือ การทำโปรแกรมเพิ่มเติมบนระบบ SAP เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้กับผู้ใช้งาน โดยไม่กระทบกับกระบวนการทำงานและระบบควบคุมมาตรฐานของ SAP
นอกจากนั้น การให้บริการด้าน SAP จะครอบคลุมบริการ 4 ด้าน ได้แก่ 1.การออกแบบกระบวนการทำงานบนระบบ SAP (SAP Business Process Flow Design): ออกแบบกระบวนการทำงานให้เหมาะสมกับการใช้งานบนระบบ SAP 2. การออกแบบและพัฒนาโปรแกรมบนระบบ SAP (SAP Customization and Enhancement): วิเคราะห์ความต้องการทางธุรกิจของลูกค้าและนำมาพัฒนาโปรแกรมให้ตรงกับความต้องการ 3. การให้ความช่วยเหลือและดูแลรักษาระบบ SAP (SAP Support and Maintenance): ดูแลรักษาทั้งระบบซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ระหว่างการใช้งานของลูกค้าอย่างใกล้ชิด และ 4. การจัดฝึกอบรมเกี่ยวกับระบบ SAP (SAP Training): ฝึกอบรมและให้ความรู้เกี่ยวกับระบบ SAP และการพัฒนาโปรแกรมบนระบบ SAP ให้กับผู้ดูแลระบบ เพื่อให้ลูกค้าสามารถดูแลและแก้ไขปัญหาเบื้องต้นเกี่ยวกับระบบ SAP ได้
"นอกจากความเสียหายด้านงบประมาณและโอกาสทางธุรกิจจากการเลือกใช้ที่ปรึกษาที่ขาดความรู้และความเชี่ยวชาญในระบบ SAP บริษัทฯยังพบว่าหลายองค์กรมีความต้องการใช้งานฟีเจอร์ที่ออกแบบตามความต้องการใช้งานเฉพาะของแต่องค์กร ซึ่งไม่มีในแพคเกจมาตรฐานที่ทาง SAP ให้มา ในขณะที่การพัฒนาและออกแบบฟีเจอร์ตามความต้องการของลูกค้าต้องอาศัยความรู้ความเชี่ยวชาญในการเขียนโปรแกรมแอปพลิเคชันทางธุรกิจขั้นสูงบนระบบ SAP หรือ Advanced Business Application Programming (ABAP) ซึ่งมีบริษัทที่ปรึกษาเพียงน้อยรายที่มีความเชี่ยวชาญด้านนี้อย่างแท้จริง ดังนั้นการทำ ERP Maximization ซึ่งเป็นจุดแข็งของเรา จึงสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่ มองหาบริการบนระบบ SAP ที่สูงกว่ามาตรฐานทั่วไปได้อีกด้วย" นายวรัทย์ กล่าว
ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา GMVPI ได้รับความไว้วางใจจากองค์กรชั้นนำระดับประเทศมากกว่า 10 แห่ง ซึ่งอยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และค้าปลีก เนื่องจากมาตรฐานการให้บริการที่โดดเด่น อาทิ ทีมงานที่ปรึกษาที่มีประสบการณ์ด้านระบบ SAP ไม่น้อยกว่า 10 ปี ทีมงานโปรแกรมเมอร์ประสบการณ์สูงที่มีผลงานทั้งในและต่างประเทศ และเคยผ่านงานด้านการพัฒนาโปรแกรมบนระบบ SAP ที่มีความซับซ้อนระดับสูง ทีมงานออกแบบระบบที่มีความรู้ทั้งด้านธุรกิจและการเขียนโปรแกรมที่สามารถออกแบบระบบที่ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพและถูกต้องตามหลักการทำงานของ SAP โดยไม่ส่งผลกระทบต่อการรับประกันของ SAP และที่สำคัญคือการออกแบบระบบโดยคำนึงถึงความสะดวกสบายและประสิทธิภาพการทำงานของลูกค้าเป็นหลัก
"หลังการควบรวมในครั้งนี้ เรายังมีแผนในการเพิ่มบุคลากรผู้เชี่ยวชาญเพื่อรองรับการเติบโตอีกอย่างน้อย 20 คน ซึ่งปัจจุบันเรามีทีมงานที่ปรึกษาและผู้เชี่ยวชาญระบบ SAP ที่ได้รับการรับรองจาก SAP ประเทศไทยซึ่งถือว่ามีจำนวนน้อยมากในประเทศ แสดงให้เห็นถึงศักยภาพและความเชี่ยวชาญของทีมงานที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างเหนือมาตรฐานและเหนือความคาดหมาย" นายวรัทย์ ทิ้งท้าย