นายจอมทรัพย์ โลจายะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์ปอเรชั่น (SUPER) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ปี 65 ทะลุ 1 หมื่นล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นมาในช่วง 10,000-11,000 ล้านบาท จากปีก่อนที่มีรายได้ 9,085.23 ล้านบาท โดยได้รับปัจจัยหนุนการรับรู้รายได้เต็มปีจกโครงการผลิตไฟฟ้าในเวียดยาม คือ โรงไฟฟ้าพลังงานลมบนบก (Onshore) ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 50 เมกะวัตต์
นอกจากนั้น บริษัทเตรียมจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) โครงการผลิตไฟฟ้าเพิ่มเป็น 1,718 เมกะวัตต์ในปีนี้ จากปีก่อน 1,586 เมกะวัตต์ โดยจะมาจากโรงไฟฟ้าพลังงานลมในทะเล (Offshore) ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 30 เมกะวัตต์ที่จะ COD ในเร็วๆนี้, โรงไฟฟ้าขยะ 6 เมกะวัตต์ คาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ไตรมาส 4/65, โรงไฟฟ้าไฮบริด 16 เมกะวัตต์ คาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ในไตรมาส 3/65 และตั้งเป้าจะมีโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบเอกชน (Private PPA) อีก 80 เมกะวัตต์
ปัจจุบัน บริษัทมีโครงการที่สามารถ COD แล้วและอยู่ระหว่างการพัฒนาทั้งหมด 2,128 เมกะวัตต์ แบ่งเป็น 1. โซลาร์ฟาร์ม 1,548 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นโครงการที่รับรู้รายได้และ COD แล้ว 1,518.36 เมกะวัตต์ อยู่ในประเทศไทย 563.6 เมกกะวัตต์และเวียดนาม 836.72 เมกะวัตต์ โดยส่วนหนึ่งเป็นโครงการภายใต้กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้าซุปเปอร์เอนเนอร์ยี (SUPEREIF) 118 เมกะวัตต์ และ โครงการอยู่ระหว่างพัฒนาโครงการแบบ Private PPA เพื่อขายไฟฟ้าให้กับมหาวิทยาลัยมหิดลวิทยาเขตศาลายา และโรงไฟฟ้าไฮบริด 30 เมกะวัตต์คาดว่าจะแล้วเสร็จและรับรู้รายได้ในช่วงไตรมาส 4/65
2.โครงการพลังงานลมทั้งหมด 516 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นโครงการที่รับรู้รายได้และ COD แล้ว 50 เมกะวัตต์ และโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาและรอ COD 466 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมในทะเล (Offshore) ในเวียดนามกำลังการผลิตติดตั้ง 30 เมกะวัตต์ ก่อสร้างแล้วเสร็จอยู่ระหว่างรอ COD และเตรียมก่อสร้างอีก 391 เมกะวัตต์ และโครงการในไทย 45 เมกะวัตต์อยู่ระหว่างเตรียมการก่อสร้าง
3.โรงไฟฟ้าขยะในประเทศไทยทั้งหมด 64 เมกะวัตต์ ปัจจุบัน COD แล้ว 18 เมกะวัตต์ และอยู่ระหว่างพัฒนา 46 เมกะวัตต์