นายธีร ชุติวราภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อัลฟ่า ดิวิชั่นส์ (ALPHAX) เปิดเผยว่า หลังจากบริษัทขยายไลน์ธุรกิจเพิ่มเติมมาสู่ธุรกิจกัญชงกัญชาและ Fin-Tech เพื่อการเติบโตที่แข็งแกร่งและยั่งยืน ล่าสุดในส่วนของธุรกิจกัญชงกัญชา บริษัทถือเป็นเจ้าแรกของประเทศไทยที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่คุมปัจจัยการผลิตตั้งแต่ต้นน้ำ-กลางน้ำ-ปลายน้ำ อย่างครบวงจร เริ่มต้นตั้งแต่การลงทุนผ่านบริษัทย่อยคือ บริษัท อัลฟ่า ไบโอเทค จำกัด ซึ่งร่วมกับ บมจ.โรงงานเภสัชอุตสาหกรรม เจเอสพี (ประเทศไทย) (JP) ในฐานะผู้รับจ้างผลิต รวมถึงบริษัทได้สั่งซื้อเครื่องจักรสำหรับการผลิต โดยเน้นการจัดจำหน่าย สารสกัด และเคมีภัณฑ์ ลูกค้าหลักเป็นกลุ่มธุรกิจในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร สมุนไพร รวมถึงยาแผนปัจจุบัน
หลังจากวันที่ 23 ก.พ.65 ได้รับใบอนุญาตผลิตสารกลุ่ม Cannabidiol (CBD) จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เรียบร้อยแล้ว พร้อมที่จะผลิตสารสกัดให้กับกลุ่มลูกค้าที่ต้องการสารสกัดที่ได้ส่งคำสั่งซื้อเข้ามาเป็นจำนวนมาก โดยพร้อมส่งสินค้าให้กับลูกค้าได้ภายในเดือน มี.ค.65 นี้ และจะรับรู้รายได้เข้ามาทันทีในไตรมาส 1/65
"ALPHAX ทำสัญญาความร่วมมือกับผู้ปลูกกัญชง ทั้งในส่วนของวิสาหกิจชุมชนต่างๆ ผู้ประกอบการทั้งในและนอกตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อเป็นการันตีว่า เรามีวัตถุดิบเพียงพอ สำหรับป้อนโรงงานสกัด เพียงพอสำหรับออเดอร์ของลูกค้าที่มีเข้ามาจำนวนมาก ในส่วนของธุรกิจปลายน้ำได้มีการจับมือผู้ประกอบการที่ต้องการนำสารสกัด CBD ไปใช้สำหรับผลิตอาหาร เครื่องดื่ม อาหารเสริม สมุนไพร โดยปัจจุบันมีลูกค้าที่ทำสัญญากับบริษัทแล้วประมาณ 35 ราย "
ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทมีพันธมิตรทั้งในด้านของต้นน้ำ เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลท.ที่มีความเชี่ยวชาญในการปลูก เช่น บมจ.ซันสวีท (SUN) และบมจ.ไทยรับเบอร์ลาเท็คซ์กรุ๊ป (TRUBB) รวมทั้งได้ทำบันทึกความเข้าใจกับวิสาหกิจชุมชุนหลายแห่ง ทั้งในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยในส่วนของภาคเหนือ ล่าสุดได้มีการจับมือกับบริษัท เอ็ม เจ บี จำกัด (MJB) ที่พร้อมป้อนวัตถุดิบให้กับบริษัทฯประมาณ 1 ตัน ได้ในทันที
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ALPHAX กล่าวอีกว่า บริษัทได้รับเงินจากการเพิ่มทุนที่เกิดจากการแปลงสภาพวอร์แรนต์เข้ามาประมาณ 600 ล้านบาท ทำให้มีศักยภาพเพียงพอสำหรับการเดินหน้าขยายธุรกิจ โดยในส่วนของธุรกิจกัญชงกัญชา บริษัทฯเตรียมเพิ่มกำลังการผลิตอีก 100 เท่า โดยได้มีการสั่งซื้อเครื่องจักรแล้ว ซึ่งมีศักยภาพในการป้อนวัตถุดิบ 300 กิโลกรัมต่อเดือน มีกำหนดเดินเครื่องผลิตในช่วงไตรมาส 3/65 ทำให้คาดว่าในปี 65 จะมีรายได้จากธุรกิจกัญชงกัญชาประมาณ 450 ล้านบาท ผลักดันผลการดำเนินงานในปีนี้เติบโตอย่างก้าวกระโดด