น.ส.ออมสิน ศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.บียอนด์ (BYD) เปิดเผยว่า ในปี 65 บริษัทคาดหวังว่าผลประกอบการจะ Turnaround เป็นกำไรจากปี 64 ที่ขาดทุนลดลงแล้ว โดยยังมุ่งขยายธุรกิจโบรกเกอร์ที่ปีนี้คาดว่าปีนี้รายได้จะเติบโต 2 เท่าจากปีก่อนที่มีรายได้ 126 ล้านบาท หรือคาดว่าจะมีรายได้กว่า 200 ล้านบาท ด้วยการตั้งเป้าเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดมาที่ 1% จากสิ้นปี 64 อยู่ที่ 0.07% ซึ่งในเดือน ก.พ.65 ขยับขึ้นมาเป็น 0.22% แล้ว โดยจะพัฒนาแพลตฟอร์มเพิ่มความสะดวกการซื้อขายของลูกค้าเพื่อรักษาฐานลูกค้าเดิมและจะเพิ่มลูกค้าใหม่ ด้านธุรกิจวานิชธนกิจมี 10 ดีลในมือ แบ่งเป็น IPO 4 ดีล และ M&A 6 ดีล
ขณะเดียวกัน ธุรกิจรถโดยสารไฟฟ้าที่บริษัทลงทุนใน บริษัท เอช อินคอร์ปอเรชั่น (ACE) สัดส่วน 49% นั้น ACE ไปลงทุนใน บริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัด (TSB) 100% ที่ดำเนินธุรกิจเดินรถโดยสารไฟฟ้า (E-Bus) ในบริษัทเดินรถ 8 แห่ง รวม 10 เส้นทางใน กทม.ที่ได้เริ่มเดินรถเมื่อปลายปี 64 ด้วยรถโดยสารไฟฟ้า 112 คันลงทุนไปแล้ว 800 ล้านบาท เดินรถ 8 เส้นทาง และในปี 65 ก็ยังลงทุนรถโดยสารไฟฟ้าเพิ่มอีก 200 คัน เดินรถในสายเดิม และในปี 66 ก็จะลงทุนเพิ่มอีก 25 คัน ตามแผนการลงทุนในช่วง 3 ปี (ปี 64-66) จำนวน 337 คัน นอกจากนี้รอผลการประมูลเส้นทางใหม่ของไทยสมายล์บัสด้วย
น.ส.ออมสิน คาดว่า กำไรสุทธิในปี 65 จะมาจากธุรกิจโบรกเกอร์และธุรกิจรถโดยสารไฟฟ้าในสัดส่วนใกล้เคียงกัน โดยธุรกิจรถโดยสารไฟฟ้าจะรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากการร่วมลงทุน 49% ซึ่งธุรกิจนี้มีอัตรากำไรขั้นต้นเกิน 50% เพราะมีต้นทุนต่ำกว่ารถเชื้อเพลิงก๊าซเอ็นจีวีและดีเซล โดยประเมินว่าจะมีจำนวนผู้โดยสารราว 300-350 คน/คัน/วันหากหลังสถานการณ์โควิด-19 ยุติลง จากปัจจุบันประเมินผู้โดยสารกว่า 200 คน/คัน/วัน
ส่วนหนี้ที่สามารถทวงคืนมาได้จำนวน 132 ล้านบาท บางส่วนได้นำไปกลับรายการผลขาดทุนในปีก่อน และบางส่วนจะบันทึกรายการในไตรมาส 1/65 ที่จะได้กำไรทางบัญชีและเงินที่จะเข้ามาช่วยเป็นเงินทุนหมุนเวียน