นายพงศ์ธร ธาราไชย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.โปรเจค แพลนนิ่ง เซอร์วิส (PPS) เปิดเผยว่า แม้ที่ผ่านมาประเทศไทยจะเผชิญกับสถานการณ์โรคระบาดโควิด -19 แต่บริษัทยังสามารถดำเนินงานให้แก่ลูกค้าทั้งกลุ่มเดิมและลูกค้ากลุ่มใหม่อย่างต่อเนื่อง อาทิ โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่างๆจากกลุ่มท่าอากาศยานไทย โครงการในกลุ่มเชิงพาณิชย์ (Commercial Project) ดุสิต เซ็นทรัล พาร์คที่เป็นมิกซ์ยูสโปรเจกต์ขนาดใหญ่ โครงการพัฒนาพื้นที่ราชพัสดุแปลงที่ตั้งโรงภาษีร้อยชักสาม (Custom House ) รวมถึงโครงการจากกลุ่มค้าปลีกหรือคอมมูนิตี้มอลล์ (Community mall)
อีกทั้งยังได้รับงานใหม่ ได้แก่ โครงการบูรณะพระราชวังสนามจันทร์ จังหวัดนครปฐม ซึ่งเป็นหนึ่งในอาคารประวัติศาสตร์ของประเทศ โครงการ P Pattaya Community mall บนพื้นที่พัทยา และโครงการจากไทวัสดุ ซึ่งถือเป็นลูกค้ากลุ่มใหม่ของบริษัทด้วย
ปัจจุบัน บริษัทมีงานในมือ (Backlog) ประมาณ 502.03 ล้านบาท และยังมีงานที่อยู่ระหว่างรอเซ็นสัญญาโครงการ มูลค่ารวมกว่า 69.35 ล้านบาท
สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจไทยปี 65 ยังมองว่ามีโอกาสฟื้นตัวตามการลงทุนของภาครัฐและเอกชนที่คาดว่าจะทยอยลงทุนตามนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงความต้องการใช้จ่ายในประเทศมีทิศทางที่ดีขึ้น แม้ยังมีปัจจัยที่ต้องเฝ้าระวัง อาทิ การระบาดของไวรัสโควิด-19 การเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลกจากแรงกดดันเงินเฟ้อ และผลกระทบของสงคราม
อย่างไรก็ตาม บริษัทเดินหน้าตามแผนธุรกิจในการพัฒนาเป็นที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์และการก่อสร้างครบวงจร พร้อมกับการพัฒนานวัตกรรมที่มีส่วนช่วยในงานก่อสร้างและการขาย เพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้ไปยังกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ขยายฐานกลุ่มลูกค้าใหม่ และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันสูงสุด
"บริษัทมุ่งเน้นดำเนินงานตามแผนธุรกิจต่อเนื่องจากปีที่แล้ว ประกอบด้วยกลยุทธ์ด้านวัตกรรม การพัฒนาบริการในลักษณะการเหมาจ้างแบบเบ็ดเสร็จ (Turn key Design Build) เพื่อพัฒนาสินทรัพย์จากอาคารเดิม การพัฒนา Virtual Tour ในการจำลองภาพเสมือนจริงบนพื้นที่จริง เพื่อเป็นประโยชน์ในการขายและการตลาดสำหรับโครงการอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงพัฒนานวัตกรรมที่ใช้ในงานบริหารควบคุมการก่อสร้างอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่องค์กร นอกจากนี้ ยังมีแผน PPS Acadamy เพื่อขยายการสอนการอบรมสู่วงกว้าง และสร้าง Platform ในการสื่อสาร เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย และปรับให้เหมาะสมกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป จากแผนการดำเนินงานในปีนี้ รวมถึงการควบคุมค่าใช้จ่ายและต้นทุนการดำเนินงานให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้เติบโต 10% และจะเห็นความสามารถในการทำกำไรเพิ่มขึ้น" นายพงศ์ธร กล่าว
ขณะที่ ความคืบหน้าโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทลักซ์ชัวรี่วิลล่าในที่ดินแหลมยามูจ.ภูเก็ต (Headland Cape Yamu) ปัจจุบันได้ทำการก่อสร้างถนนรวมถึงแหล่งจ่ายไฟเรียบร้อยแล้ว ที่ผ่านมาจากมาตรการภาครัฐและการเร่งดำเนินการฉีดวัคซีน ทำให้ลูกค้าสนใจเข้ามาเยี่ยมชมโครงการมากขึ้น และถือว่าทำเลดังกล่าวเป็นพื้นที่สวยงามผืนสุดท้ายบนปลายแหลมซึ่งเปรียบเสมือนเป็นไข่มุกของจังหวัดภูเก็ต โดยโครงการมีมูลค่ารวมกว่า 2,000 ล้านบาท ซึ่งหากมีการขายอสังหาฯได้เพิ่มเติมจะส่งผลให้บริษัทมีกำไรเติบโตมากอย่างมีนัยสำคัญ
สำหรับผลประกอบการปี 64 บริษัทมีกำไรสุทธิ 20.87 ล้านบาท พลิกจากปีก่อนที่มีขาดทุนสุทธิ 26.13 ล้านบาท แม้ว่าจะรายได้รวม 396.56 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนที่มีรายได้รวม 409.65 ล้านบาท หรือลดลง 3.20% เนื่องจากบริษัทได้ปรับกลยุทธ์รับงานโครงการระยะสั้นและสามารถส่งมอบงานได้รวดเร็ว รวมถึงบริหารค่าใช้จ่ายและควบคุมต้นทุนการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น