บริษัท บี.กริม แอลเอ็นจี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ บมจ.บี.กริม เพาเวอร์ (BGRIM) ถือหุ้น 100% และได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการจัดหาและค้าส่งก๊าซธรรมชาติ (LNG Shipper) จากคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ร่วมกับบริษัท พีทีที แอลเอ็นจี จำกัด ลงนามสัญญาการใช้ความสามารถการให้บริการสถานี (Terminal Use Agreement-TUA)
นายฮาราลด์ ลิงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BGRIM เปิดเผยว่า การลงนามสัญญาครั้งนี้เป็นก้าวสำคัญของการเปิดเสรีก๊าซธรรมชาติของประเทศไทยที่จะทำให้ผู้จัดหาและค้าส่งก๊าซธรรมชาติ (Shipper) เอกชน ได้เข้ามาใช้บริการการเก็บรักษาและแปรสภาพก๊าซธรรมชาติ ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานหลักที่มีบทบาทสำคัญสำหรับกิจการก๊าซธรรมชาติของประเทศไทย
ภายหลังจากที่ภาครัฐ โดยกระทรวงพลังงานและ กกพ. ได้กำหนดแนวทางส่งเสริมการแข่งขันในกิจการก๊าซธรรมชาติ โดยเปิดให้เอกชนสามารถขอใบอนุญาตเป็น shipper เพื่อนำเข้า LNG ได้ ทั้งนี้ เมื่อนำเข้า LNG เข้ามาแล้ว ต้องมีการนำมาแปรสภาพจากของเหลวเป็นก๊าซที่สถานี LNG Terminal ของ บริษัท พีทีที แอลเอ็นจี จำกัด และส่งเข้าระบบท่อส่งก๊าซฯ ของ PTT เพื่อส่งไปยังลูกค้าปลายทางทั้งโรงไฟฟ้าและอุตสาหกรรมต่างๆ ต่อไป
นายฮาราลด์ ลิงค์ กล่าวเพิ่มเติมว่า บี.กริม แอลเอ็นจี เป็น shipper 1 ใน 7 ราย ที่ได้ใบอนุญาตจัดหาค้าส่งก๊าซธรรมชาติจาก กกพ. เมื่อวันที่ 27 พ.ค.63 โดยบริษัทได้เตรียมความพร้อมทั้งในการเจรจาสัญญาซื้อ LNG กับผู้ขายชั้นนำของโลก ตลอดจนความพร้อมในการขอใช้บริการสถานี PTT LNG Terminal (LMPT-1) แห่งที่ 1 กับ พีทีที แอลเอ็นจี โดยได้ยื่นจองเมื่อวันที่ 20 ต.ค.64 จำนวน 5 แสนตันต่อปี เป็นระยะเวลา 7 ปี (ปี 66-72) โดยมติ กกพ. เมื่อวันที่ 8 ธ.ค.64 เห็นชอบให้ บี.กริม แอลเอ็นจี ได้รับการจัดสรรปริมาณการจองใช้ LMPT-1 ปริมาณ 0.5 ล้านตันต่อปี ตั้งแต่ปี 66-72 เพื่อส่งเสริมการแข่งขันในกิจการก๊าซธรรมชาติระยะที่ 2 ได้อย่างเหมาะสม
"หลังการลงนามในสัญญา TUA ในครั้งนี้ นอกจากเป็นก้าวสำคัญของการเปิดเสรีก๊าซธรรมชาติของประเทศไทยแล้ว จะถือว่า บี.กริม แอลเอ็นจี เป็นบริษัทเอกชนที่มีความสามารถพร้อมนำเข้า LNG เป็นรายแรกของประเทศ โดยคาดว่าเรือขนส่ง LNG เชิงพาณิชย์เที่ยวแรกจากสัญญาจัดหา LNG ระยะยาวจะสามารถมาส่งมอบที่ LMPT-1 ได้ภายในต้นปี 66 เพื่อส่งเสริมการแข่งขันเสรีในกิจการก๊าซธรรมชาติระยะที่ 2 ภายในประเทศอย่างแท้จริง"นายฮาราลด์ ลิงค์ กล่าว