นายสมนึก ตันฑเทอดธรรม กรรมการผู้จัดการ บมจ.เอ็น. ซี. เฮ้าส์ซิ่ง (NCH) เปิดเผยว่า แนวโน้มยอดขายในช่วงไตรมาส 1/65 มั่นใจว่าจะทำได้เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ 800 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะทำได้ราว 1 พันล้านบาท หลังจากยอดขายในช่วงเดือนม.ค.-ก.พ.ที่ผ่านมา สามารถทำได้ดีขึ้นกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนและในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ซึ่งสามารถทำยอดขายได้เฉลี่ย 300-400 ล้านบาท/เดือน จากการที่ลูกค้ากลับเข้ามาเยี่ยมชมโครงการมากขึ้น และมีการตัดสินใจซื้อบ้านมากขึ้นในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา
บริษัทมองว่าปัจจัยหนุนสำคัญมาจากความมั่นใจเกี่ยวกับเศรษฐกิจและรายได้ที่ฟื้นกลับมา ทำให้ลูกค้าเริ่มกลับมาซื้อบ้านมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มบ้านแนวราบที่ยังเป็นที่นิยม ซึ่งบริษัทเองก็ได้เน้นการพัฒนาโครงการแนวราบเป็นหลัก ทำให้ได้รับอานิสงส์จากปัจจัยดังกล่าวอย่างเต็มที่ โดยปี 65 บริษัทตั้งเป้ายอดขายรวมไว้ที่ 4.6 พันล้านบาท
ขณะที่ในไตรมาส 1/65 ยังไม่มีการเปิดโครงการใหม่ แต่จะเริ่มเปิดตัว 1 โครงการเป็นบ้านเดี่ยวย่านราชพฤกษ์ในไตรมาส 2/65 และโครงการอื่นๆ อีก 4 โครงการจะทยอยเปิดในช่วงครึ่งปีหลัง โดยทั้งปี 65 บริษัทวางแผนเปิดโครงการใหม่รวม 5 โครงการ ซึ่งเป็นแนวราบทั้งหมด มูลค่ารวม 4.5 พันล้านบาท โดยจะเน้นบ้านเดี่ยวและบ้านแฝด หลังจากปีที่ผ่านมาเปิดตัวทาวน์โฮมไปมากแล้ว
ด้านแนวโน้มยอดโอนของบริษัทในช่วงไตรมาส 1/65 คาดว่าจะสามารถทำได้ตามที่คาดหวังไว้ที่ 600 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่จะเริ่มทยอยเข้ามามากในช่วงปลายเดือน มี.ค.นี้ ตามการทยอยส่งมอบบ้านในโครงการย่านรังสิต ซึ่งจะเริ่มสร้างเสร็จในช่วงกลางเดือนนี้ และจะทยอยส่งมอบให้กับลูกค้าทันที ทำให้รายได้ในไตรมาส 1/65 จะกระจุกตัวเข้ามาในช่วงปลายเดือน
บริษัทตั้งเป้าหมายยอดโอนในปีนี้ไว้ที่ 2.5 พันล้านบาท โดยที่ในช่วงครึ่งปีแรกจะมียอดโอนคิดเป็น 45% ของเป้าทั้งปี ส่วนที่เหลือ 55% จะทยอยเข้ามาในช่วงครึ่งปีหลัง ขณะที่บริษัทมีมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) อยู่ที่ 657 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยโอนเข้ามาในปีนี้ทั้งหมด
สำหรับกลยุทธ์ของบริษัทในด้านการโอนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นนั้น บริษัทได้หันมาทำแคมเปญร่วมกับธนาคารพันธมิตรมากขึ้น เพื่อในการนำเสนอแคมเปญดอกเบี้ยและการที่สามารถให้ลูกค้าที่เข้ามาซื้อบ้านของบริษัทมีโอกาสในการเข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายมากขึ้น ทำให้การโอนโครงการของบริษัทมีประสิทธิภาพมากขึ้น และลูกค้าสามารถได้ซื้อบ้านตามที่ต้องการ
ส่วนแนวโน้มของราคาต้นทุนการก่อสร้างที่เพิ่มสูงขึ้น บริษัทยังคงมีการบริหารจัดการต้นทุนการก่อสร้างอย่างมีประสิทธิภาพร่วมกับผู้รับเหมา เพื่อทำให้ไม่กระทบต่อราคาขายบ้านของบริษัท และสามารถแข่งขันกับคู่แข่งในตลาดได้ ซึ่งปัจจุบันยอมรับว่าตลาดแนวราบมีการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น หลังจากผู้ประกอบการในตลาดหันมาเปิดโครงการแนวราบมากขึ้นเพื่อช่วงชิงโอกาสของตลาดแนวราบที่เติบโตแทนที่ตลาดคอนโดมิเนียม
ขณะที่ศูนย์ Wellness & Sport Center ภายใต้แบรนด์ NC Regen 2 แห่ง ในโครงการบ้านฟ้าปิยรมย์ วงแหวนลำมูกกา คลอง 6 พื้นที่ 5,328 ตารางเมตร และโครงการ Thanya Golf Club ลำลูกกา คลอง 5 พื้นที่ 1,015 ตารางเมตร เตรียมเปิดให้บริการในช่วงกลางเดือนมี.ค.นี้ ซึ่งจะเข้ามาเสริมการให้บริการลูกบ้านในโครงการนั้นๆ รวมถึงเปิดรับสมาชิกจากบุคคลภายนอกเข้ามาใช้บริการด้วย ซึ่งจะเข้ามาช่วยสร้างรายได้จากการบริการเข้ามาเสริมให้กับบริษัทได้อีกด้วย