นางฐิติมา รุ่งขวัญศิริโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.สิงห์ แอสเตท (S) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้ 5 ปี (65-69) เติบโต 25% ต่อปี โดยปีนี้คาดรายได้จะทำสถิติสูงสุดใหม่ (New High) หรือเติบโตแตะ 13,400 ล้านบาท จากปีก่อนทำได้ 8,316.56 ล้านบาท เป็นไปตามการเติบโตของ 4 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจบริการโรงแรม ธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัย ธุรกิจพัฒนาสำนักงานให้เช่า และธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมและโครงสร้างพื้นฐาน
ทั้งนี้ธุรกิจบริการโรงแรม คาดมีรายได้ปีนี้เติบโต 88% เป็น 8,500 ล้านบาท จากการให้บริการโรงแรมใน 5 ประเทศ ได้แก่Maldives, United Kingdom, Thailand, Fiji และ Mauritius โดยตั้งงบลงทุนไว้ที่ 500 ล้านบาท ปรับปรุงโรงแรม เพื่อเพิ่มมูลค่าราคาห้องพัก คาดว่าจะช่วยหนุนให้ EBITDA เพิ่มขึ้นประมาณ 40%
ธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัย คาดมีรายได้ปีนี้กว่า 3,000 ล้านบาท โดยมีแผนส่งมอบโครงการสันติบุรี เดอะ เรสซิเดนเซส อย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันมียอดขายรอโอน (Backlog) แล้วมูลค่า 2,600 ล้านบาท ขณะเดียวกันยังมีคอนโดมิเนียมพร้อมโอนมูลค่ารวมกว่า 900 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยหนุนการรับรู้รายได้ในปีนี้ นอกจากนี้ในช่วงไตรมาส 3/65 บริษัทฯ ยังมีแผนเปิดตัวโครงการแนวราบในระดับราคาขาย 50-80 ล้านบาทต่อแปลง จำนวน 1 โครงการ มูลค่าโครงการประมาณ 2,900 ล้านบาท จะเสริมการรับรู้รายได้ในช่วงไตรมาส 4/65 ด้วย
ธุรกิจพัฒนาสำนักงานให้เช่า ปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้างโครงการ S OASIS ซึ่งมีพื้นที่กว่า 55,000 ตารางเมตร คาดจะดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จได้ในเดือนพ.ค.65 และได้มีการปรับปรุงอาคารภายนอกของโครงการ Metropolis เพื่อตอบรับกับความต้องการของผู้เช่า ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี ทำให้สามารถเพิ่มผู้เช่าและอัตราค่าเช่าขึ้นได้
นอกจากนี้ยังมีแผนนำสินทรัพย์ ประกอบด้วย โครงการ Singha Complex, โครงการ Metropolis และโครงการ Suntowers (ค้าปลีก) ขายเข้ากองทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ เอส ไพรม์ โกรท (SPRIME) มูลค่ารวม 6,450 ล้านบาท ภายในไตรมาส 3/65 ซึ่งจะทำให้ขนาดสินทรัพย์ของกอง SPRIME ใหญ่ขึ้นเป็นอันดับที่ 1 ในประเทศไทย
สำหรับธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมและโครงสร้างพื้นฐาน ปัจจุบันมีพื้นที่รวมกว่า 2,000 ไร่ แบ่งเป็น พื้นที่ขายกว่า 50% หรือ 900-1,000 ไร่ ปีนี้จะเป็นปีแรกของการขายที่ดินและเริ่มรับรู้รายได้เข้ามา โดยตั้งเป้าการขายที่ดินไว้ที่ 15% ของ 1,000 ไร่
สำหรับแนวโน้มไตรมาส 1/65 คาดมีรายได้รวมอยู่ที่ 3,500 ล้านบาท เติบโตขึ้นประมาณ 169% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเติบโตขึ้นประมาณ 35% จากไตรมาสก่อน จากการทยอยรับรู้รายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์โครงการที่อยู่อาศัยตามแผน โดยจะมีโครงการ ESSE อโศก, โครงการ Singha Complex และโครงการ สันติบุรี เดอะ เรสซิเดนเซส ซึ่งจะมีการทยอยส่งมอบประมาณ 3-4 แปลงต่อไตรมาส และมีมูลค่าขาย 250 ล้านบาทขึ้นไปต่อแปลง ขณะเดียวกันธุรกิจโรงแรมก็ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะใน Maldives ที่เป็นช่วงพีคซีซั่น
นางฐิติมา กล่าวว่า บริษัทฯ ยังได้วางงบลงทุนรวม 5 ปี (65-69) ไว้ที่ 50,000 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่จะใช้ในการลงทุนที่พักอาศัย หรือคิดเป็น ราว 60% ของงบลงทุนทั้งหมด ขณะที่ปีนี้คาดจะใช้เงินลงทุนราว 11,000 ล้านบาท แบ่งเป็น ซื้อดินที่ 4,000 ล้านบาท และรองรับการพัฒนาโครงการ 2,000 ล้านบาท, พัฒนาโรงแรมที่เกิดดำเนินการแล้ว ราว 1,500 ล้านบาท, อาคารสำนักงานให้เช่ากว่า 1,000 ล้านบาท และนิคมอุตสาหกรรมกว่า 1,500 ล้านบาท