HEMRAJ คาดรายได้โต 10-15%ตามภาพรวม/เล็งขึ้นราคาที่ดินนิคมอีสเทิร์นฯ10%

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday March 13, 2008 17:27 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          นายเผ่าพิทยา สมุทรกลิน ผู้อำนวยการฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์และวางแผน บมจ.เหมราชพัฒนาที่ดิน(HEMRAJ)กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าหมายคงอัตรากำไรขั้นต้นไว้ที่ 40% ในปีนี้ จากที่อยู่ในระดับ 43% ในปีก่อน จากรายได้ที่คาดว่าจะเติบโตในทิศทางเดียวกับภาพรวมธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมที่น่าจะเติบโตได้ในระดับ 10-15% จากในปี 50 บริษัทมีรายได้ 5.2 พันล้านบาท และมีงานในมือมาจากปีก่อน 1.5 พันล้านบาทจะรับรู้รายได้ในปีนี้ทั้งหมด 
นอกจากนั้น บริษัทยังเตรียมปรับเพิ่มราคาขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดอีกประมาณ 10% เนื่องจากยังคงมีความต้องการที่ดินในบริเวณดังกล่าวค่อนข้างสูง ขณะที่เหลือที่ดินอยู่เพียง 100 ไร่
"มองว่าปีนี้ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมจะเติบโตเนื่องจากได้รับการสนับสนุนการลงทุน และการเมืองเริ่มนิ่ง ลูกค้าหลักยังคงเป็นญี่ปุ่น ซึ่งอยู่ในกลุ่มชิ้นส่วน ยานยนต์ ปิโตรเคมี"นายเผ่าพิทยา กล่าว
ขณะที่ในไตรมาส 1/51 บริษัทมียอดขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมไปแล้ว 600 ไร่ จากเป้าหมายทั้งปี 1.3 พันไร่ แต่ขณะนี้ยังไม่มีการปรับเพิ่มเป้าหมายดังกล่าว แต่อาจจะทบทวนในช่วงกลางปี หรือครึ่งปีหลัง
นายเผ่าพิทยา กล่าวอีกว่า ในปีนี้บริษัทมีแผนจะพัฒนาพื้นที่ในนิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ดเพิ่มเติมอีก 1 พันไร่ คาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 1.2 พันล้านบาท จากงบลงทุนรวมในปี 51 ประมาณ 4.5-4.8 พันล้านบาท ที่เหลือจะนำไปลงทุนในโรงไฟฟ้าไอพีพี 2.3 พันล้านบาทตามสัดส่วนการถือหุ้น 35% และนำไปสร้างโรงงานสำเร็จรูปให้เช่าเพิ่มเติมจากที่มีอยู่ 99 โรง อีก 500 ล้านบาท
สำหรับเงินลงทุนจะมาจากการออกหุ้นกู้ 3 พันล้านบาทในช่วงไตรมาส 3/51 อายุหุ้นกู้ 3-5 ปี ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ A-
นายเผ่าพิทยา เปิดเผยอีกว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาการพัฒนาที่ดิน 2 ไร่ด้านหลังอาคารยูเอ็มทาวเวอร์ที่บริษัทได้เข้าซื้อไว้ ซึ่งเป็นส่วนที่ติดดับโครงการแอร์พอร์ตลิงค์ ซึ่งบริษัทเห็นโอกาสในการพัฒนาเป็นคอนโดมิเนียมหรือสำนักงานให้เช่า แต่ก็ยังเป็นแผนในอนาคต
ปัจจุบันสัดส่วนรายได้จากนิคมอุตสาหกรรมอยู่ที่ 40% โครงการเดอะพาร์ค ชิดลม 30% และการให้เช่าโรงงานและบริการด้านสาธารณูปโภคอยู่ที่ 30%
ทั้งนี้ แผนธุรกิจของบริษัทได้ตั้งเป้าหมายว่าปี 2552-2556 บริษัทจะมีรายได้แตะ 1 หมื่นล้านบาท และสัดส่วนรายได้จากการขายที่ดิน จะลดลงเหลือเพียง 32% และจะไปเน้นรายได้จากการให้เช่าโรงงาน อาหารสำนักงาน ซึ่งเชื่อว่าจะมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
นายเผ่าพิทยา ยังกล่าวว่า จากมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ที่ภาครัฐได้ประกาศออกมาทั้งการลดภาษีธุรกิจเฉพาะและค่าธรรมเนียมการโอน ทำให้บริษัทประหยัดต้นทุนในส่วนของนิคมอุตสาหกรรม 5.3% และ คอนโดมิเนียม 4.3% จากเดิมที่บริษัทมีภาระภาษีต่อปีในปี 50 กว่า 100 ล้านบาท จะทำให้ EBITDA ปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งบริษัทก็จะเร่งการโอนให้เร็วขึ้นเพื่อรับสิทธิประโยชน์ดังกล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ