นายเจมส์ริชาร์ด อมตวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.แม็คกรุ๊ป (MC) เปิดเผยว่า ความเคลื่อนไหวครั้งสำคัญของแม็คกรุ๊ป ซึ่งถือเป็น "บิ๊กมูฟ" (Big Move) ที่จะเกิดขึ้น โดยมี 3 ประเด็นสำคัญ ได้แก่
1. "Big Purpose" เพื่อเปิดตัวแคมเปญ "MY MC MY WAY ชีวิต?เต็มแม็ค" ที่สร้างสรรค์ขึ้นด้วยแนวคิด "Body positivity" ที่เข้าใจเรื่องความแตกต่างของรูปร่าง ให้ทุกคนสร้างสรรค์ลุคที่ดีที่สุดให้แก่ตัวเอง ด้วยผลิตภัณฑ์ของแม็คยีนส์ผ่านโชว์เคส 9 คน 9 สไตล์ ที่มีไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกัน
2. "Big Looks" เพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการแต่งตัวผ่านดิจิทัลลุคบุ๊ค (Digital Look Book) ที่มีสินค้าตามเทรนด์แฟชั่นโดยเน้นคุณภาพ พร้อมตอบโจทย์ความต้องการของทุกคน
3. "Big Connections" เพื่อเชื่อมต่อกับลูกค้าอย่างสมบูรณ์ในทุกมิติทั้งช่องทางการขายออฟไลน์ และออนไลน์ ด้วยการเข้าถึงพฤติกรรม ประสบการณ์ และการรับรู้ของลูกค้าที่มีต่อแม็คยีนส์ ผ่านคอนเทนต์แฟชั่นที่น่าสนใจ
"Body Positivity ถือเป็นเทรนด์ที่เกิดขึ้นและยอมรับกันทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งทัศนคติของคนรุ่นใหม่ที่หันมาให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากขึ้น เราโฟกัสที่ Customer Insight ด้วยความเข้าใจในลูกค้าอย่างแท้จริงและพิจารณา Customer Journey อย่างรอบด้านเพื่อเชื่อมโยงทุกองค์ประกอบที่เรามีทั้งช่องทางการขายออฟไลน์และออนไลน์, สินค้าที่ตอบโจทย์ความต้องการ รวมถึงคอนเทนต์ที่สร้างแรงบันดาลใจในการแต่งตัว ทั้งหมดนี้ก็เพื่อเติมเต็มประสบการณ์ที่น่าประทับใจให้กับลูกค้าแม็คยีนส์ทุกคน" นายเจมส์ กล่าว
บริษัทมีเป้าหมายเพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ ซึ่งมีสินค้าที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบครัน สร้างสรรค์ลุคแฟชั่นอย่างต่อเนื่อง เปิดช่องทางใหม่ๆ ให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงสินค้าและบริการที่หลากหลาย พร้อมทั้งสร้างแรงบันดาลใจและการมีส่วนร่วมของผู้บริโภคเพื่อ การเติบโตที่ยั่งยืนของแบรนด์และธุรกิจในระยะยาว
"ความเคลื่อนไหวครั้งนี้ ถือเป็นครั้งสำคัญที่แม็คยีนส์จะเอาชนะใจผู้บริโภค ไม่เพียงยกระดับความรักในแบรนด์ของกลุ่มแฟนประจำเท่านั้น แต่เรายังมุ่งขยายฐานไปสู่ลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ ด้วยการสร้างความเชื่อมโยงกับคนรุ่นใหม่ที่รักในแฟชั่น" นายเจมส์ กล่าว
สำหรับแนวโน้มของยอดขายในงวดไตรมาส 3 ของปี 64/65 ของบริษัท ซึ่งเป็นช่วงไตรมาสแรกตามปีปฏิทินนั้น ในช่วง 2 เดือนแรก (ม.ค.-ก.พ. 65) ยอดขายมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างดี จากมาตรการช้อปดีมีคืนของภาครัฐที่ออกมาเป็นปัจจัยที่ช่วยกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยของกลุ่มที่มีกำลังซื้อ แต่หลังจากผ่านพ้นช่วงตรุษจีนไปแล้วยอดขายเริ่มชะลอตัวลง ซึ่งเป็นไปตามสถานการณ์ของเศรษฐกิจที่ประชาชนเริ่มมีผลกระทบจากค่าครองชีพที่สูงขึ้น ทำให้ชะลอการจับจ่ายใช้สอย แต่อย่างไรก็ตามบริษัทมั่นใจว่ายอดขายในงวดไตรมาส 3 ของปี 64/65 จะทำได้สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนอย่างแน่นอน