นายวงศกรณ์ ประสิทธิ์วิภาต กรรมการผู้จัดการ บมจ.พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค (PF) เปิดเผยว่า แนวโน้มยอดขายไตรมาส 1/65 มั่นใจว่าจะทำได้ตามเป้าหมายที่ 4 พันล้านบาท จากเป้าหมายยอดขายของบริษัททั้งปีที่ตั้งไว้ 1.55 หมื่นล้านบาท โดยที่มีปัจจัยหนุนยอดขายมาจากกลุ่มบ้านหรูระดับราคา 10 ล้านบาทขึ้นไปสามารถทำยอดขายได้ดีอย่างต่อเนื่อง จากกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูงยังคงเข้ามาซื้อที่อยู่อาศัยแนวราบเป็นจำนวนมาก และเป็นกลุ่มที่ไม่ค่อยได้รับผลกระทบเกี่ยวกับค่าครองชีพและเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น
เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจส่วนตัว และกลุ่มคนรวยรุ่นใหม่ที่มีการลงทุนในคริปโตเคอเรนซี่ และอาชีพอิสระที่ทำงานด้านอีคอมเมิร์ช และวงการบันเทิงที่ยังมีรายได้เพิ่มสูงขึ้น มีการเข้ามาซื้อบ้านต่อเนื่อง ทำให้สัดส่วนยอดขายของกลุ่มบ้านหรูระดับราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป ในช่วงไตรมาส 1/65 เพิ่มขึ้นเป็น 40% จากสิ้นปีที่ 20% และเป็นปัจจัยที่หนุนยอดขายของบริษัทไนไตรมาส 1/65 อย่างไรก็ตามการขายที่อยู่อาศัยในช่วงไตรมาส 1/65 ไม่ได้โดดเด่นมากกว่าที่บริษัทคาดคิดไว้ เนื่องจากประเทศไทยยังมีการการแพร่ระบาดโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งกระทบกับภาคธุรกิจบางกลุ่ม ประกอบกับการเกิดสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน ทำให้เกิดผลกระทบต่อราคาพลังงานและเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้น กระทบกำลังซื้อและความมั่นใจ ทำให้กลุ่มลูกค้าบางรายยังชะลอการตัดสินใจซื้อไปบ้าง ทำให้การขายที่อยู่อาศัยในช่วงไตรมาส 1/65 ไม่ได้หวือหวากว่าที่บริษัทคาดคิดไว้แต่แรก แต่ยังสามารถขายได้กับกลุ่มคนที่มีกำลังซื้อสูง ที่ไม่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยดังกล่าวมากนัก
ขณะเดียวกันบริษัทได้มีการปรับราคาขายบ้านขึ้นราว 1-2% ในกลุ่มบ้านระดับกลาง-บน เพื่อให้สอดคล้องกับราคาต้นทุนวัสดุก่อสร้างที่เพิ่มขึ้นค่อนข้างสูง โดยเฉพาะหลังจากเกิดสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน ทำให้ราคาวัสดุก่อสร้างพุ่งขึ้น ซึ่งบริษัทต้องมีการปรับเพิ่มราคาขายตามต้นทุนที่สูงขึ้นตามไปด้วย เพื่อทำให้ยังรักษาความสามารถในการทำกำไรไว้บ้าง โดยที่มองว่าราคาต้นทุนวัสดุก่อสร้างยังคงสูงต่อเนื่องไปอีก 1-2 ไตรมาสจากนี้
ล่าสุดบริษัทได้จับมือกับ 4 พันธมิตร ได้แก่ เอสซีจี รูฟฟิ่ง และอีวีโลโม ในการเป็นพันธมิตรร่วมติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปและเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าในบ้าน เริ่มจากติดตั้งให้บ้านเดี่ยวในโครงการใหม่ของบริษัทที่จะเปิดในปี 65 เป็นต้นไป และจะขยายไปยังกลุ่มลูกค้าของ PF ที่มีอยู่กว่า 30,000 หลังคาเรือน ในช่วงกลางปี 65 ก่อนที่จะสร้างทีมในการรุกตลาดการขายโซลาร์รูฟท็อปและเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าในปี 66 พร้อมร่วมกับพันธมิตรสถาบันการเงิน อาทิ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ในการให้ข้อเสนอพิเศษทางการเงินในอัตราดอกเบี้ยเท่ากับสินเชื่อบ้าน และเพิ่มสีสันให้กับการตกแต่งบริเวณบ้านจากมือสวนนงนุช ที่เข้าเสริมการยกระดับการออกแบบตกแต่งสวน นำแนวคิดสวนสวยระดับโลก สู่การตกแต่งสวนในโครงการและในบ้าน เพื่อทำให้ผู้ซื้อบ้านของ PF ได้ประสบการณ์การอยู่อาศัยอย่างสมบูรณ์แบบ