CONSENSUS: (เพิ่มเติม) โบรกเชียร์ซื้อ GULF คาด Q1/65 โตตามปริมาณใช้ไฟ-COD GSRC หน่วย 3-รับรู้ INTUCH

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday March 30, 2022 12:39 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          โบรกเกอร์                    คำแนะนำ                  ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น)
          หยวนต้า                        ซื้อ                           54.50
          ฟินันเซียไซรัส                    ซื้อ                           60.00
          บัวหลวง                        ซื้อ                           62.00
          เอเซีย พลัส                     ซื้อ                           52.00
          พาย                           ซื้อ                           58.00
          ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย)      ซื้อ                           55.00              .
          โนมูระ พัฒนสิน                 ซื้อเก็งกำไร                      53.00             .
          แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์              ซื้อเก็งกำไร                      52.00             .

นายธีร์ธนัตถ์ จินดารัตน์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า กำไรปกติไตรมาส 1/65 จะอยู่ที่ 2,700 ล้านบาท หรืออาจทำ New high ใหม่ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนและไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากโครงการ BKR2 ยังมีกระแสลมที่ดีมากและดีกว่าค่าเฉลี่ยในไตรมาส 4/64 โดยเดือน ม.ค. มี Capacity factor สูงถึงราว 52% เทียบกับค่าเฉลี่ยไตรมาส 4/64 ที่ 40%, รายได้โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในเวียดนามกลับมาเติบโต

ขณะที่ GSRC (โรงไฟฟ้า IPP) หน่วยที่ 2 ที่เริ่มจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ตามแผนในวันที่ 1 ต.ค.64 ขนาด 464 เมกะวัตต์ (MW) คาดว่าจะมีปริมาณการใช้ไฟเพิ่มขึ้น เนื่องจากไตรมาส 4/64 มีวันหยุดจำนวนมากทั้งลูกค้ากลุ่ม EGAT และ IU

และส่วนแบ่งกำไรจาก INTUCH คาดที่ 1,000-1,100 ล้านบาท จะหนุนกำไรเพิ่มขึ้นสูง เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เพราะไตรมาส 1/64 ไม่มีทั้งส่วนแบ่งกำไรและเงินปันผลจาก INTUCH

สำหรับการปรับตัวสูงขึ้นของราคาน้ำมัน มองว่าจะส่งผลกระทบจำกัด เนื่องจากรายได้ส่วนใหญ่มาจากการจำหน่ายไฟให้ EGAT โดยมีสัดส่วนลูกค้า IU เพียง 10%

ส่วนแนวโน้มไตรมาส 2/65 กำไรปกติอาจไม่ลดลงแรง เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า แต่เติบโตสูงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้ว่าจะเข้าสู่ Low season ของ BKR2 แต่จะรับรู้รายได้จากการ COD โครงการ GSRC หน่วยที่ 3 เข้ามาเต็มไตรมาส และโครงการลมในเวียดนาม ขนาด 128 เมกะวัตต์ จะเริ่ม COD บางส่วนในไตรมาส 2/65

ทั้งนี้ GULF ยังมีเงินลงทุนในโครงการอื่นได้อีกไม่น้อยกว่า 1.2 แสนล้านบาท โดยบริษัทมีแผนใช้เงินลงทุนตามแผนงานราว 7-8 หมื่นล้านบบาทภายในปี 74 ไม่รวมโครงการ M&A อื่นๆ และตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนเมกะวัตต์ จากโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนไม่น้อยกว่า 30% ภายในปี 73 โดยมีโครงการขนาดใหญ่ คือเขื่อนใน สปป.ลาว 2 แห่ง ได้แก่ โครงการปากลาย ขนาด 770 MW มีการลงนามใน Tariff MOU แล้ว และคาดว่าจะได้สัญญา PPA จาก EGAT ภายในปีนี้ และโครงการปากแบง ขนาด 912 MW คาดว่าจะลงนาม Tariff MOU กับ EGAT ได้ภายใน 1-2 เดือนนี้ และได้ PPA ได้ภายในปีนี้เช่นกัน (รวมในประมาณการแล้ว) นอกจากนี้โครงการพลังงานหมุนเวียนในต่างประเทศที่อยู่ระหว่างศึกษา และคาดว่าจะมีความชัดเจนภายในครึ่งปีแรกราว 1,000 MW

ปัจจัยความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครนมองว่าไม่ได้กระทบให้โครงการต่างฯ ล่าช้าออกไป จึงเป็น Upside risk ที่มีนัยสำคัญต่อประมาณการ ขณะที่การจับมือกับพันธมิตรทางด้านธุรกิจ IT และ Digital assets คาดว่าจะมีความคืบหน้าที่มีนัยสำคัญในช่วง 1-2 เดือนนี้เช่นกัน และยังไม่รวมในประมาณการดังกล่าว

ราคาหุ้นปรับตัวลงจากระดับสูงสุดที่ 52.00 บาท จากประเด็นความตึงเครียดในรัสเซียและยูเครน แต่ผลกระทบในเชิงปัจจัยพื้นฐานค่อนข้างจำกัด จึงปรับคำแนะนำขึ้นเป็น ซื้อ และคงประมาณการ คงราคาเป้าหมายสิ้นปี 65 ที่ 54.50 บาท

นายสุวัฒน์ สินสาฎก กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน เอฟ เอส เอส อินเตอร์เนอร์เนชั่นแนล จำกัด (FSSIA) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ของ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า GULF เป็นหุ้นเด่นของเราในกลุ่มโรงไฟฟ้า โดยการเติบโตของกำไรสุทธิจะเร่งตัวขึ้นในปี 65-66 จากโครงการใหม่ๆ

ทั้งนี้ กำไรไตรมาส 1/65 ของ GULF น่าจะปรับตัวลงเล็กน้อยเป็นผลจากราคาก๊าซธรรมชาติปรับตัวสูงขึ้น แต่จะมีการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก INTUCH เข้ามาหนุน

ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/65 ก็จะมีกำลังการผลิตใหม่เข้ามา ทำให้ปี 65 คาดว่ากำไรสุทธิจากการดำเนินงานของ GULF จะเพิ่มเป็น 14,799 ล้านบาท จากปีก่อนอยู่ที่ 13,752 ล้านบาท โดยเฉพาะจากกำไร BKR2 และ GSRC, กำไรสูงขึ้นจาก SPP และ IPP ตามความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น หลังการกลับมาเปิดเศรษฐกิจ และส่วนแบ่งทำไรจาก INTUCH

ด้าน บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ปัจจัยบวกจะทยอยเข้ามายัง GULF ตั้งแต่ไตรมาส 1/65 ที่ COD โรง GSRC unit 3 กำลังการผลิต 464 MW ตามด้วยไตรมาส 2/65 ที่ COD โรงไฟฟ้าพลังงานลมในเวียดนาม กำลังการผลิต 122 MW และยังมีโครงการโรงไฟฟ้าใน สปป.ลาว (ปากแบง 912 MW, ปากลาย 770 MW) ที่อยู่ในกระบวนการเดินหน้าพัฒนา รวมถึงการร่วมทุนธุรกิจ Data Center และการศึกษาร่วมทุนกับ Binance ทำธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลคาดจะได้ความชัดเจนเร็วๆ นี้

ส่วนไตรมาส 3/65 คาดมีความคืบหน้าโครงการ LNG to power ในเวียดนาม และไตรมาส 4/65 จะ COD โครงการ GSRC unit 4 กำลังการผลิต 464 MW รวมถึงความคืบหน้าโครงการสานาคาม โรงไฟฟ้าพลังงานน้ำใน สปป.ลาว กำลังการผลิต 684 MW

คงมุมมองกำไรปกติไตรมาส 1/65 เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เพราะรายได้โตตามการรับรู้รายได้ GSRC unit 1-2 เต็มไตรมาส และมี unit 3 มาหนุน รวมถึงกำไรจาก INTUCH เพิ่มขึ้นตามสัดส่วนการลงทุน อีกทั้งยังเติบโตจากไตรมาสก่อนหน้าด้วย เพราะรับรู้รายได้โรงไฟฟ้า GSRC unit 2 เต็มไตรมาส, โรงไฟฟ้า BKR2 ยังเป็น high season และส่วนแบ่งกำไรฯ โตหลังโรงไฟฟ้าในประเทศออกจาก low season และ SG&A ลดลง (seasonal)

คงคำแนะนำ Trading Buy โดยผู้ที่รับความเสี่ยงได้สามารถซื้อเก็งกำไร จาก upside โครงการระหว่างศึกษาเจรจาของ GULF ได้ โดยมองราคาหุ้นมีปัจจัยบวกรองรับต่อเนื่อง และระยะยาวธุรกิจไฟฟ้าเติบโตสูงจากการทยอย COD กำลังการผลิตใหม่ใน 5 ปีข้างหน้า (64-68) ต่อเนื่อง ส่งให้ Eauity MW เพิ่มกว่า 2 เท่าตัว และกำไรเติบโตก้าวกระโดด 59% CAGR ในช่วงปี 64-66 เด่นกว่ากลุ่มที่คาดเติบโต 5-24% CAGR

https://youtu.be/yt0WbSL9N0Y


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ