นายจักรพงส์ สุเมธโชติเมธา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.สากล เอนเนอยี (SKE) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ปรับลดเป้าหมายรายได้ปีนี้เหลือโต 12% มาอยู่ที่ 562 ล้านบาท จากเดิมที่คาดโตได้ราว 16% จากปีก่อนทำได้ 501.46 ล้านบาท เนื่องด้วยมีการทบทวนแผนการดำเนินงานใหม่อีกครั้ง และได้เตรียมค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการซื้อกิจการ (M&A) เพิ่มเติม
ทั้งนี้การเติบโตในปีนี้ จะมาจาก 3 ธุรกิจหลักและ 1 ธุรกิจใหม่ ได้แก่ ธุรกิจสถานีก๊าซธรรมชาติหลักเอกชน (PMS) คาดว่าจะมีรายได้ในปีนี้ราว 170 ล้านบาท ส่วนหนึ่งได้รับปัจจัยหนุนจากการลงนามยุติสัญญาจ้างบรรจุก๊าซให้กับบมจ.ปตท. (PTT) ทำให้ SKE จะได้รับเงินชดเชยจากการยกเลิกดังกล่าวราว 59 ล้านบาท ซึ่งทาง PTT จะแบ่งจ่ายเป็น 3 ไตรมาส โดยมีกำหนดเริ่มจ่ายครั้งแรกเดือนเม.ย.นี้เป็นต้นไป รวมถึงราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้น ก็ส่งผลดีต่อความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) เพิ่มขึ้น จึงเป็นบวกต่อธุรกิจ
นอกจากนี้ธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หรือโรงไฟฟ้าชีวมวลแม่กระทิง ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 9.90 เมกะวัตต์ คาดมีรายได้ราว 298 ล้านบาท, ธุรกิจบริหารจัดการของเสียหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้วที่ไม่เป็นอันตราย โดยการคัดแยกและแปรรูปขยะ เป็นเชื้อเพลิงขยะ RDF (บริษัท เอ็น15 เทคโนโลยี จำกัด : N15) โดย N15 ชลบุรีมีการขยายฐานลูกค้าใหม่มากขึ้น ทำให้ปีนี้จะมีรายได้เพิ่มเป็น 90 ล้านบาท จากเดิม 70 ล้านบาท และที่เหลือจะมาจากการรับรู้รายได้ของธุรกิจจัดทำซอฟต์แวร์สำหรับการซื้อขายหลักทรัพย์ ภายใต้การดำเนินงานของบริษัท แวนต้า แคปปิตอล จำกัด (VANTA)
ขณะที่ยังตั้งงบลงทุนเพิ่มเป็น 500-550 ล้านบาท โดยหลักจะใช้ในส่วนของการลงทุนโรงงานผลิต RDF ราว 400 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันได้เริ่มดำเนินการก่อสร้างและเริ่มสั่งซื้อเครื่องจักรแล้ว และเข้าซื้อหุ้นสามัญจำนวน 44,000 หุ้นหรือคิดเป็น 30.04% ใน VANTA รวมถึงการลงทุนในธุรกิจต้นน้ำอุตสาหกรรมขยะ หรือบ่อ Landfill ซึ่งจะเป็นการเติมเต็มในด้านของการจัดหาวัตถุดิบให้กับ N15 ทั้งในสระบุรีและชลบุรี และยังบริหารต้นทุนได้อีกด้วย
อย่างไรก็ตามกลยุทธ์การดำเนินงานของบริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นลงทุนในธุรกิจพลังงาน หรือเกี่ยวข้องกับพลังงาน รวมถึงธุรกิจที่ล้อไปกับเมะเทรนด์ของโลก