นายเดิร์ก เดอ คุยเปอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท (SHR) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ในปี 65 เติบโต 88% จากปีก่อน หรือมาอยู่ที่ 8.5 พันล้านบาท ซึ่งถือเป็นการทำรายได้ที่เป็นสถิติสูงสุดใหม่ (New high) จากปัจจัยหนุนจากการฟื้นฟูของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวอย่างรวดเร็วต่อเนื่อง หลังจากที่หลายๆประเทศกลับมาเปิดประเทศ โดยเฉพาะใน 5 ประเทศที่บริษัทมีโรงแรมเปิดให้บริการอยู่ ได้แก่ ไทย สหราชอาณาจักร มัลดีฟ ฟิจิ และมอริเชียส ที่ได้กลับมาเปิดการท่องเที่ยวมากขึ้น และมีการผ่อนคลายมาตรการการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวอีกด้วย
"เราคาดว่าธุรกิจโรงแรมจะกลับมาคึกคักอีกครั้ง ซึ่งรวมถึงโรงแรมของเราที่ตั้งอยู่ในจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมสูงสุดทั้ง 5 แห่งทั่วโลก โดยเฉพาะพอร์ตโรงแรมในสหราชอาณาจักร และสาธารณรัฐมัลดีฟส์ ที่คาดว่าจะสร้างรายได้เป็นสัดส่วนของรายได้รวมทั้งหมด 44% และ 28% ตามลำดับ ที่จะเป็นปัจจัยหนุนต่อการเติบโตของรายได้ในปีนี้อย่างมีนัยสำคัญ" นายเดิร์ก กล่าว
ขณะที่ตลาดที่เกี่ยวข้องกับการประชุมและการจัดงานสัมนาในโรงแรม (MICE) ในปี 65 คาดว่าจะเห็นการฟื้นตัวขึ้นอย่างชัดเจน จากการที่หน่วยงานต่างๆเริ่มมีกลับมาจัดงานในรูปแบบปกติที่คนมาพบปะกันจริงมากขึ้น โดยเฉพาะการจัดงานประชุมและสัมนาในสหราชอาณาจักรที่เริ่มเห็นการจองห้องประชุมจัดงานเข้ามามากขึ้น ซึ่งเป็นหนึ่งปัจจัยหนุนต่อธุรกิจโรงแรมกลับมาฟื้นตัว
ส่วนโรงแรมที่เจาะกลุ่มการท่องเที่ยว ได้แก่ มัลดีฟส์ เริ่มมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น ซึ่งทางรัฐบามัลดีฟส์คาดการณ์มีจำนวนนักท่องเที่ยวเข้ามาในปี 65 ราว 1.6 ล้านคน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ 1.32 ล้านคน ถือเป็นสัญญาณบวกต่อโรงแรมในมัลดีฟส์ของบริษัททั้ง 2 แห่ง ที่จะมีอัตราการเข้าพักเพิ่มสูงขึ้น
สำหรับโรงแรมในประเทศไทยเริ่มมีนักท่องเที่ยวขาวต่างชาติเข้ามาพักและจองห้องพักล่วงหน้ามากขึ้น รวมถึงนักท่งอเที่ยวชาวไทยยังคงมีการเดินทางท่งอเที่ยวในประเทศมาต่อเนื่อง จากการที่มีโครงการเราเที่ยวด้วยกันเป็นปัจจัยกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ และการที่ภาครัฐผ่อนคลายนโยบายการเข้าประเทศมากขึ้น ทำให้มีนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเข้ามาเสริม รวมถึงโรงแรมในฟิจิและมอริเชียสที่เริ่มเห็นการกลับมาของนักท่องเที่ยวมากขึ้น
โดยที่จากปัจจัยการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวที่กลับมาฟื้นตัวขึ้นค่อนข้างดีในปี 65 บริษัทคาดว่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้อัตราค่าห้องพักเฉลี่ย (ADR) ของโรงแรมในพอร์ตของบริษัทในปีนี้ปรับเพิ่มขึ้นได้ 20-25% จากการที่บริษัทสามารถปรับเพิ่มราคาห้องพักโรงแรมในพอร์ตได้ตามดีมานด์ของนักท่องเที่ยวที่กลับมามากขึ้น และการอัพเกรดระดับโรงแรมในพอร์ตให้ขึ้นไปในระดับที่สูงขึ้น จากการปรับปรุงโรงแรมในช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา
ขณะเดียวกันกลยุทธ์การทำการตลาดของโรงแรมในเครือจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยหนุนการปรับตัวขึ้นของ ADR ในปีนี้ จากการที่หันมาเน้นการขายในรูปแบบห้องพักและแพ็คเกจท่องเที่ยวที่มีกิจกรรมต่างๆเข้ามา และการผลักดันให้ลูกค้าหันมาจองห้องพักโดยตรงกับโรงแรมของบริษัทมากขึ้น โดยที่ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนการจองห้องพักโดยตรงกับโรงแรมเพิ่มขึ้นเป็น 30% ในปีนี้ จากเดิมที่ 10%
ส่วนแผนการลงทุนของบริษัทได้วางงบการลงทุนในช่วง 3 ปี (ปี 65-67) รวมกว่า 7.3 พันล้านบาท เพื่อขยายการลงทุนสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ดดยมีงบลทุนราว 2.8 พันล้านบาท การปรับปรุงโรงแรมในสหราชอาณาจักร และต่อยอดการลงทุนโรงแรมในมัลดีฟส์ในการก่อสร้างโรงแรม SO/ มัลดีฟส์ ซึ่งมีแผนเปิดให้บริการในปี 66 และวางงบลงทุนอีก 4.5 พันล้านบาท ไว้รองรับโอกาสใหม่ในการเข้าซื้อและควบรวมกิจการ (M&A) โรงแรมเข้ามาเพิ่มเติม ซึ่งบริษัทอยู่ระหว่างการมองหาโรงแรมในแถบชายฝั่งทะเลเอเชียและแปซิฟิก ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และมหาสมุทรอินเดีย
"จากแผนงานในการสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจของ SHR เราเชื่อมั่นว่าบริษัทจะสามารถเติบโตเป็น 3 เท่าภายในปี 67 อย่างแน่นอน" นายเดิร์ก กล่าว