*อินโดเตรียมเก็บภาษีคริปโทฯ 0.1%
จากที่ก่อนหน้านี้เราจะเคยได้ยินเกี่ยวกับการเก็บภาษีการซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซี่ในประเทศต่าง ๆ อย่างประเทศอินเดียที่ประกาศว่าจะเก็บภาษีคริปโทฯ กว่า 30% หรือแม้แต่ประเทศไทยเราที่มีการจัดเก็บภาษีจากกำไรการซื้อขายคริปโทฯ แต่ยังยกเว้นภาษีหัก ณ ที่จ่าย
ล่าสุดประเทศเพื่อนบ้านเราอย่างอินโดนีเซียได้วางแผนการเก็บภาษีกำไรจากการเทรดคริปโทฯ เช่นกัน โดยอัตราที่ทางรัฐบาลอินโดนีเซียได้วางแผนไว้เรียกได้ว่าจูงใจมาก ๆ เพราะคิดเพียงแค่อัตรา 0.1% เท่านั้น โดยรายงานจากสำนักข่าวต่างประเทศระบุว่าโฆษกสำนักงานภาษีของประเทศอินโดนีเซียได้ออกมากล่าวถึงคริปโทฯ ว่าเป็น "สินค้าที่กำหนดโดยกระทรวงการค้า" ไม่ถือว่าเป็น "สกุลเงิน"
หน่วยงานกำกับดูแลการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ล่วงหน้า (Bappebti) สังกัดกระทรวงการค้าของอินโดนีเซีย รายงานว่าธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับคริปโทฯ ในปีนี้มีมูลค่าถึง 83.8 ล้านล้านรูเปียห์ คิดเป็นมูลค่ากว่า 5,800 ล้านดอลลาร์ แถมจำนวนคนถือครองคริปโทฯ ยังเพิ่มขึ้นกว่า 11% จาก 11.2 ล้านคนในปี 64 เป็น 12.4 ล้านคนในปีนี้อีกด้วย
ทั้งนี้ ภาษีประเภทดังกล่าวจะเริ่มจัดเก็บและมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 พ.ค.นี้แล้ว ต้องนับว่าเป็น movement ที่ยิ่งใหญ่ในวงการคริปโทฯ เพราะก่อนหน้านี้มักจะเห็นว่ามีการถกเถียงกันเกี่ยวกับภาษีคริปโทฯ มาอยู่เรื่อย ๆ ซึ่งหากภาษีที่ทางรัฐจัดเก็บไม่สูงและอยู่ในอัตราที่เหมาะสม ก็มั่นใจว่าเหล่าบรรดานักเทรดก็พร้อมที่จะเสียภาษีแน่นอน
*Starbucks เตรียมบุก Metaverse-NFT ภายในปีนี้
แน่นอนว่าทุกคนในประเทศไทยต้องรู้จักร้านกาแฟชื่อดังที่มีสาขาทั่วโลกอย่าง Starbucks ล่าสุดในงาน "Open Forum" นาย Howard Schultz CEO ของ Starbucks ได้ถามผู้ที่เข้ามาร่วมงานว่า "มีใครเคยใช้งาน Metaverse หรือไม่??" แล้ว "มีใครเคยลงทุนใน NFT รึเปล่า??"
ทางนาย Schultz ก็ได้ถือโอกาสนี้ในการอธิบายว่า NFT คืออะไร พร้อมยังได้เปิดเผยว่า Starbucks มีเครื่องมือที่จะเข้าสู่เทคโนโลยีใหม่นี้แล้วด้วย โดยยืนยันว่าจะมีการเปิดเผยรายละเอียดภายในปีนี้อย่างแน่นอน
นาย Schultz กล่าวอีกว่า Starbucks ไม่ได้เป็นเพียงแค่แบรนด์เครื่องดื่มเท่านั้น แต่ยังเป็นบริษัทที่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนานอีกด้วย ดังนั้น หากบริษัทตั้งใจที่จะสร้างตลาด NFT ที่ใหญ่ที่สุดในโลกก็สามารถทำได้ เพราะ Starbucks มีของสะสมที่มากมาย ซึ่งสามารถแปลงให้อยู่ในรูปแบบของดิจิทัลได้
นับว่าเป็นการปรับตัวครั้งใหญ่ของ Starbucks และหากลองคิดภาพว่าถ้าเราเข้าไปสู่โลก Metaverse ไปสั่งกาแฟแล้วมีกาแฟมาส่งให้เราที่โลกจริงด้วยภาชนะที่ Limited Edition อีกด้วย แค่คิดก็ว้าวมากแล้ว
*Ledger เปิดตัว Hardware wallet ใหม่ เอาใจสาย NFT โดยเฉพาะ
ถ้าใครที่เป็นนักเทรดคริปโทฯ ตัวจริง แน่นอนว่าต้องผ่านการใช้งาน Hardware Wallet มาแล้ว ซึ่ง Hardware Wallet ก็เป็นเสมือนตู้เซพที่ต้องใส่รหัสทุกครั้งที่มีการใช้งาน ใช้สำหรับเก็บเหรียญ Cryptocurrency นั่นเอง โดยแบรนด์ที่ได้รับความนิยมใช้กันเป็นประจำก็คือ Ledger หรือ Trezor
ล่าสุดทาง Ledger ได้เปิดตัว Hardware Wallet รุ่นใหม่ชื่อว่า "Ledger Nano S Plus" โดยถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์สายสะสม NFT ด้วยเทคโนโลยี "Clear Signing" ผ่าน Ledger Live ที่จะเสริมความปลอดภัยให้แก่ผู้ใช้งาน Web3 ที่ Focus ที่ Decentralized และ user ownership มากขึ้นอีกด้วย
Web1 สามารถเปรียบเทียบถึงแพลตฟอร์มที่ใช้ในการแสดงข้อมูลได้เท่านั้น ไม่มีการ Log in ใด ๆ ทั้งสิ้น เป็นเพียงแพลตฟอร์มที่ read only แต่ปัจจุบันเมื่อเราใช้งานแพลตฟอร์มใดก็ต้องมีการ Log in เข้าไปถึงจะใช้งานได้ แต่เมื่อเรา log in เข้าไปแล้ว ข้อมูลของเราก็จะถูกจัดเก็บไว้ที่ Server พวกนี้เราเรียกว่า Web2 หากพูดง่าย ๆ มันคือ Centralized นั่นเอง
แต่ Web3 ที่สายคริปโทฯ เราใช้งานกันจะเน้นที่การกระจายศูนย์และความปลอดภัยของผู้ใช้งานเป็นหลัก ไม่จำเป็นต้อง Log in ที่แพลตฟอร์มอีกแล้ว เหมือนอย่างที่เราใช้ Metamask ที่เป็น Digital Wallet ก็สามารถเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มต่าง ๆ ได้ โดยเฉพาะแพลตฟอร์มที่เป็น DeFi ก็เป็นตัวอย่างของ Web3 ทั้งนั้น
ทั้งนี้ Ledger Nano S Plus รองรับเทคโนโลยี Clear signing ซึ่งขจัดการทำธุรกรรมต่าง ๆ ที่อาจมีความเสี่ยงก็จริง แต่รุ่นก่อนหน้านี้ของ Ledger ก็สามารถใช้เก็บ NFT ได้เหมือนกันเพียงแต่รุ่นใหม่นี้ ก็จะเน้นที่ความปลอดภัยมากขึ้น
https://youtu.be/4TuHC4WA-Bs