กลุ่มโรงพยาบาลปรับตัวขึ้น 1.32% สวนภาพรวมตลาดที่ปรับลง 5.18 จุด (-0.31%) นำโดย BCH ปรับขึ้น 3.23% หรือ 0.70 บาท มาที่ 22.40 บาท มูลค่าซื้อขาย 273.97 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.28 น.
BH ปรับขึ้น 2.19% หรือเพิ่มขึ้น 3.50 บาท มาที่ 163.00 บาท มูลค่าซื้อขาย 157.23 ล้านบาท
RAM ปรับขึ้น 1.18% หรือเพิ่มขึ้น 0.75 บาท มาที่ 64.25 บาท มูลค่าซื้อขาย 273.23 ล้านบาท
THG ปรับขึ้น 0.53% หรือเพิ่มขึ้น 0.50 บาท มาที่ 95.25 บาท มูลค่าซื้อขาย 441.25 ล้านบาท
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการอาวุโสและนักกลยุทธ์การลงทุน ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ระยะสั้นตลาดรอปัจจัยใหม่ และยังมีแรงกดดันจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเร่งปรับขึ้นดอกเบี้ยแรง จึงหาที่พักปลอดภัย มาที่กลุ่มโรงพยาบาลเพื่อหนีความเสี่ยง
ขณะที่ภาพระยะสั้นมีโอกาสที่จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 อาจเร่งขึ้นหลังเทศกาลสงกรานต์ที่มีการเดินทางกลับภูมิลำเนากันมาก และก่อนหน้านี้ราคาหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลปรับตัวลงไประดับหนึ่งแล้ว ทำให้วันนี้หุ้นกลุ่มโรงพยาบาลโดดเด่นขึ้นมาตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมา (8 เม.ย.) ราคาเริ่มกระตุกตัวขึ้นมา ส่วนหุ้นบมจ.โรงพยาบาลรามคำแหง (RAM) และ บมจ.ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป (THG) ที่ยังมาจากประเดิมกรณีที่มีการร่วมทุนสร้างโรงพยาบาลธนบุรี รังสิต มูลค่า 2.7 พันล้านบาท
ด้าน บล.เคทีบีเอสที ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำหุ้น บมจ.บางกอก เชน ฮอสปิทอล (BCH) เสริมกันชนโควิด-19 ในพอร์ตรับสงกรานต์ ตัวเลขผู้ติดเชื้อมีโอกาสพุ่งขึ้นสูง รพ, ประกันสังคมได้ค่าตรวจ-รักษา เพิ่มต่อในไตรมาส 2 โดย BCH ลุ้นกำไรไตรมาส 1/65 เกินคาดรับ Omicron ระบาดช่วงต้นปี และอาจกินระยะเวลาต่อเนื่องไปตลอดไตรมาส 2 ทำให้กำไรทั้งปี 65 มีโอกาสสูงกว่าที่ตลาดประเมิน โดยให้เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ที่ 23.00 บาท
Bloomberg Consensus ประเมินกำไรสุทธิปี 65-66 เฉลี่ยที่ 2 พันล้านบาท และ 1.8 พันล้านบาท -69%YoY, -13%YoY ตามลำดับ