นายโสภณ อิงค์ธเนศ กรรมการผู้อำนวยการ บมจ.ไอที ซิตี้ (IT) เปิดเผยว่า ทิศทางผลประกอบการในช่วงไตรมาส 2/65 จะสามารถเติบโตได้ค่อนข้างมาก เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาส 1/65 เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่นของสินค้ากลุ่ม IT เนื่องจากปัจจุบันรูปแบบการทำงานเปลี่ยนแปลงไปเป็นการทำงานผ่านออนไลน์มากขึ้น ส่งผลให้องค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนพัฒนาระบบต่างๆมารองรับการทำงานในรูปแบบใหม่ดังกล่าว
สำหรับภาพรวมทั้งปีบริษัทยังคงเป้าหมายการเติบโตของรายได้ไว้ที่ไม่ต่ำกว่า 20% และอัตรากำไรสุทธิไม่ต่ำกว่า 2.2% โดยได้รับปัจจัยหนุนจากความต้องการอุปกรณ์ด้าน IT ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง และ ยอดขายโทรศัพท์มือถือที่เติบโตตามการเดินหน้าขยายสาขาของบริษัท ภายใต้เป้าหมายขยายสาขาให้ครบ 440 สาขาภายในปีนี้ จากปัจจุบันมีสาขาทั้งหมด 400 สาขา แบ่งเป็น IT CITY จำนวน 96 สาขา, แบรนด์ CSC จำนวน 183 สาขา, แบรนด์อื่นๆ จำนวน 59 สาขา, DTAC shop จำนวน 44 สาขา และ แบรนด์ ACE และ it. รวมจำนวน 18 สาขา
นอกจากนี้บริษัทยังคงเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นแบรนด์ของบริษัทเองมากยิ่งขึ้น หลังจากที่สถานการร์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 คลี่คลาย โดยเตรียมเดินทางไปยังประเทศจีนเพื่อหาโรงงานผลิตสินค้าที่เป็นแบรนด์ของบริษัทเข้ามาจำหน่ายเพิ่มขึ้น รวมไปถึงการใช้กลยุทธ์การจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ ทั้ง JD central, Lazada และ Shopee เป็นต้น
สำหรับแผนการควบรวบของ บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (DTAC) และ บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) เชื่อว่าจะเป็นปัจจัยหนุนให้บริษัทมีการเติบโตมากยิ่งขึ้น เนื่องจากสินค้าหลายรายการของ TRUE จะสามารถนำมาจำหน่ายยังสาขาของบริษัทได้ และยังมีโอกาสจะได้เสริมการขยายสาขาของ TRUE ได้เพิ่มเติมด้วยเช่นกัน
"การรวมกันของ TRUE และ DTAC เรามองว่าเป็นปัจจัยบวกนะ เพราะมีโอกาสที่จะเข้ามาช่วยสนับสนุนการเติบโตของสาขา DTAC เดิมที่เรามีการขยายอยู่ ให้มีสินค้าที่เข้ามาจำหน่ายหลากหลายมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้เรายังมีโอกาสที่จะได้สัญญาใหม่ๆเพิ่มเติมในการขยายสาขาของ DTAC และ สาขาของ TRUE ด้วย"นายโสภณ กล่าว