ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (14 มี.ค.) หลังจากมีข่าวว่า แบร์ สเติร์นส์ ซึ่งเป็นวาณิชธนกิจรายใหญ่อันดับ 5 ของสหรัฐยอมรับว่า บริษัทขอรับเงินกู้ฉุกเฉินจาก เจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค และธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก เนื่องจากขาดสภาพคล่อง ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้นักลงทุนวิตกว่าปัญหาในตลาดสินเชื่ออาจเข้าขั้นวิกฤติและยังไม่สิ้นสุดลงง่ายๆเหมือนกับที่สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) ประเมินไว้ก่อนหน้านี้
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดร่วงลง 194.65 จุด หรือ 1.60% แตะระดับ 11,951.09 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดลดลง 27.34 จุด หรือ 2.08% แตะระดับ 1,288.14 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดดิ่งลง 51.12 จุด หรือ 2.26% แตะระดับ 2,212.49 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ประมาณ 5.18 พันล้านหุ้น เมื่อเทียบกับวันพฤหัสบดีที่ 4.94 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 5 ต่อ 1
นักลงทุนตื่นตระหนกต่อข่าวที่ว่า แบร์ สเติร์นส์ขอรับเงินกู้ฉุกเฉินจาก เจพีมอร์แกน และเฟดสาขานิวยอร์ก ขณะที่เจพีมอร์แกนและเฟดสาขานิวยอร์ก ยืนยันว่าพร้อมที่จะร่วมมือกันปล่อยเงินกู้ฉุกเฉินให้กับแบร์ สเติร์นส์เป็นระยะเวลาขั้นต้น 28 วัน เพื่อกอบกู้สถานะและความเชื่อมั่นของแบร์ สเติร์นส์
รายงานระบุว่า ผู้บริหารของแบร์ สเติร์นส์ และเจพีมอร์แกน กำลังหารือกันเกี่ยวกับการขายกิจการแบร์ สเติร์นส์ให้กับเจพีมอร์แกนอย่างสมบูรณ์ และคาดว่าเจพีมอร์แกนอาจต้องใช้เวลาประมาณ 28 วันเพื่อตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สิน (due diligence) ของแบร์ สเติร์นส์ ก่อนที่จะเข้าซื้อกิจการต่อไป โดยเจพีมอร์แกนได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในวาณิชธนกิจที่มีงบดุลแข็งแกร่งที่สุดในสหรัฐ
ฟิล ออร์แลนโด หัวหน้านักวิเคราะห์จากเฟดเดอเรทเต็ด อินเวสเตอร์ส กล่าวว่า "ข่าวแบร์ สเติร์นส์ทำให้นักลงทุนวิตกว่าปัญหาสินเชื่อในสหรัฐอาจเข้าขั้นวิกฤติและยังไม่สิ้นสุดลงง่ายๆเหมือนกับที่ S&P ประเมินไว้ สถานการณ์ของแบร์ สเติร์นส์ถือเป็น "หายนะ" ครั้งใหม่ในภาคการเงินของสหรัฐ ที่สั่นคลอนความเชื่อมั่นของนักลงทุนอย่างมาก"
"นอกจากนี้ ข่าวของแบร์ สเติร์นส์ ยัง"ดับความคาดหวัง" ของนักลงทุนที่มีต่อการประเมินของ S&P ที่ว่า การตั้งสำรองหนี้สูญเนื่องจากการขาดทุนในตลาดซับไพรม์ใกล้จะสิ้นสุดลง อีกทั้งทำให้เกิดกระแสคาดการณ์แพร่สะพัดในตลาดวอลล์สตรีทว่า อาจจะมีสถาบันการเงินอีกหลายแห่งที่ประสบปัญหาการเงินเหมือนกับแบร์ สเติร์นส์ ซึ่งสถานการณ์เหล่านี้จะยิ่งฉุดรั้งให้เศรษฐกิจสหรัฐถดถอยเร็วขึ้น" ออร์แลนโด้กล่าว
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา S&P กล่าวว่า การปรับลดมูลค่าสินทรัพย์และการตั้งสำรองหนี้สูญทั่วโลกอาจมีอยู่ถึง 2.85 แสนล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากที่ประมาณการไว้ก่อนหน้านี้ที่ 2.65 แสนล้านดอลลาร์ แต่ S&P คาดว่า สถานการณ์ดังกล่าวใกล้จะสิ้นสุดลงแล้ว โดยเฉพาะปัญหาที่เกิดขึ้นกับสถาบันการเงินขนาดใหญ่
ทั้งนี้ หุ้นแบร์ สเติร์นส์ ดิ่งลง 47% หุ้นเจพีมอร์แกน ร่วงลง 4.1% ส่วนหุ้นตัวอื่นๆในกลุ่มการเงินร่วงลงเช่นกัน โดยหุ้นเลห์แมน บราเธอรส์ ร่วงลง 15% และหุ้นเมอร์ริล ลินช์ รูดลง 5.9%
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--