ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลดลงเมื่อคืนนี้ (14 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มธนาคาร หลังจขากมีข่าวว่าแบร์ สเติร์นส์ วาณิชธนกิจรายใหญ่อันดับ 5 ของสหรัฐ ขาดสภาพคล่องจนต้องขอวงเงินกู้ฉุกเฉินจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก และเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค
สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงานว่า ดัชนี FTSE 100 ปิดลดลง 60.7 จุด แตะระดับ 5,631.7 จุด หลังจากเคลื่อนไหวในกรอบ 5,782.0-5,595.8 จุด มีปริมาณการซื้อขาย 2.39 พันล้านหุ้น
ริชาร์ด ฮันเตอร์ หัวหน้านักวิเคราะห์จากบริษัทฮาร์เกรฟ แลนส์ดาวน์ในกรุงลอนดอนกล่าวว่า "นักลงทุนในตลาดหุ้นลอนดอนตื่นตระหนกกับข่าวแบร์ สเติร์นส์ขาดสภาพคล่อง ซึ่งทำให้มีการคาดการณ์ว่าฤดูการเปิดเผยผลประกอบการในสัปดาห์หน้านั้น จะมีวาณิชธนกิจอีกหลายแห่งของสหรัฐที่เผชิญปัญหาสภาพคล่องเหมือนกับแบร์ สเติร์นส์"
หุ้นกลุ่มธนาคารถูกเทขายอย่างหนัก โดยหุ้นธนาคาร HBOS หุ้นธนาคารบาร์เคลย์ส หุ้นธนาคารลอยด์ ทีเอสบี หุ้นอัลไลอันซ์ แอนด์ ลีเซสเตอร์ ดิ่งลงถ้วนหน้า
หุ้นธุรกิจซูเปอร์มาร์เก็ตดิ่งลงหลังจากโกลด์ แมนแซคส์ ประกาศลดอันดับความน่าลงทนุของหุ้นเทสโก้ลงสู่ระดับ sell' จากระดับ 'neutral' โดยหุ้นเทสโก้ หุ้นมอร์ริสัน และหุ้นแซนบูรี ปรับตัวลง
อย่างไรก็ตาม หุ้นไชร์ซึ่งอยู่ในกลุ่มเวชภัณฑ์ทะยานขึ้นเกือบ 5% หลังจากมีข่าวว่าบริษัทไฟเซอร์ ซึ่งเป็นบริษัทเวชภัณฑ์รายใหญ่ระดับโลก เสนอซื้อหุ้นของไชร์ในราคาหุ้นละ 1300 เพนซ์
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--