นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บลจ.กรุงไทย (KTAM) เปิดเผยว่า บลจ.กรุงไทยเตรียมเปิดกองทุนใหม่ KT-BLOCKCHAIN ลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ Blockchain ตอบโจทย์สร้างความหลากหลายให้นักลงทุน โดยกองทุน KT-BLOCKCHAIN จะเปิดเสนอขายครั้งแรก (IPO) วันที่ 18-22 เมษายน พ.ศ.2565 นี้ มูลค่าเงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 1,000 บาท
นางชวินดา เปิดเผยว่า เทคโนโลยี Blockchain ถือเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีเปลี่ยนโลกหรือ Disruptive Technology ที่จะเข้ามาช่วยเสริมความปลอดภัยในการทำธุรกรรมต่างๆ โดยไม่ต้องอาศัยคนกลาง ซึ่ง Tech Company กลุ่มนี้เป็นธุรกิจที่มีการเติบโตในอัตราที่สูงมาก จึงเป็นโอกาสที่ดีในการพิจารณาเลือกลงทุนในธุรกิจกลุ่มนี้
โดย KT-BLOCKCHAIN หรือ กองทุนเปิดเคแทม Blockchain Economy มีนโยบายลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งหน่วยลงทุนตราสารทุนของกองทุนรวมต่างประเทศ อาทิ หน่วย CIS และ/หรือ กองทุนรวมอีทีเอฟ (กองทุนปลายทาง) ตั้งแต่ 2 กองทุนขึ้นไป โดยเฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สิน โดยกองทุนมีกลยุทธ์การลงทุนในบริษัทสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Assets Companies) และ/หรือบริษัทที่ดำเนินธุรกิจ และ/หรือมีความเกี่ยวข้องกับระบบสินทรัพย์ดิจิทัล และ/หรือเทคโนโลยีบล็อกเชน เพื่อลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และ/หรือบริษัทที่พัฒนาหรือใช้หรือได้รับประโยชน์จากเทคโนโลยีบล็อกเชน
ทั้งนี้ กองทุนจะลงทุนในกองทุนใดกองทุนหนึ่งโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่เกินร้อยละ 79 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยสามารถปรับเปลี่ยนสัดส่วนการลงทุนได้ตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน อย่างไรก็ตาม กองทุนจะมีการลงทุนที่ส่งผลให้มี Net Exposure ที่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงต่างประเทศโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน
"KT-BLOCKCHAIN เป็นทางเลือกใหม่ในการลงทุน เพื่อตอบโจทย์ความต้องการลงทุนที่หลากหลาย สอดคล้องกับโลกยุคปัจจุบันที่ผันผวนและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดย KTAM ยังคงปณิธานในการพัฒนาผลิตภัณฑ์การลงทุนที่หลากหลายตอบโจทย์ความต้องการให้ครอบคลุมทุกความต้องการของนักลงทุน"
เทคโนโลยี Blockchain เป็นเทคโนโลยีนวัตกรรมที่จะเปลี่ยนโลกในยุคดิจิทัล โดยมีข้อดี ได้แก่ 1. สามารถเก็บรักษาข้อมูลแบบไม่มีศูนย์กลาง ปลอดภัยและมีความเป็นส่วนตัว โปร่งใสและไม่มีการแอบแก้ไขข้อมูลย้อนหลัง เพราะเทคโนโลยี Blockchain จะไม่มีการไปยุ่งเกี่ยวกับบุคคลที่สาม (Third Party) ข้อมูลจะถูกเก็บบน DLT ซึ่งจะมีการ encrypted ข้อมูล 2. ระบบสามารถดำเนินการได้โดยไม่ติดขัดจากผลกระทบของระบบที่ใดที่หนึ่งล่ม ต่างจากการบันทึกข้อมูลแบบมีศูนย์กลางที่หากระบบล่มก็จะไม่สามารถดำเนินการต่อได้ 3. Blockchain ยังเป็นเทคโนโลยีที่ประยุกต์ใช้ได้กับหลากหลายธุรกิจ โดยเฉพาะการใช้เพื่อช่วยยืนยันข้อมูลต่างๆ เพราะจะช่วยลดต้นทุน ประหยัดเวลา และประหยัดค่าใช้จ่าย (ข้อมูลจาก: เอกสารเผยแพร่กองทุน www.ktam.co.th ณ 18 เม.ย. 2565)