นายสรพล วีระเมธีกุล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสรีบาวด์ตามตลาดหุ้นอื่นๆ ในภูมิภาคเช้านี้ที่เปิดตัวบวกได้ 0.3-0.5% คาดว่าจะได้รับปัจจัยหนุนจากการซื้อกลับหุ้นกลุ่มการเงินเป็นหลัก รับแรงเก็งกำไรจากการทยอยประกาศผลประกอบการของไตรมาส 1/65 อย่างต่อเนื่อง
ขณะที่นักลงทุนรอติดตามการรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ (Beige Book) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะมีการเปิดเผยออกมาในวันพุธนี้ ซึ่งจะบ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐและทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด
พร้อมให้แนวรับไว้ที่ 1,666 จุด และแนวต้าน 1,675 จุด
ขณะที่บทวิเคราะห์ของ บล.กรุงศรี ระบุว่า แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ประเมิน SET แกว่งตัว 1,660-1,680 จุด แม้ภาวะตลาดจะได้แรงหนุนกลุ่มพลังงานตามราคาน้ำมันดิบทรงตัวระดับสูงจากสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยืดเยื้อ และลิเบียระงับการผลิตน้ำมันจากการประท้วงของคนงาน อย่างไรก็ตาม ความกังวลเฟดเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยและลดขนาดงบดุลลงเพื่อสกัดภาวะเงินเฟ้อยังคงกดดันต่อทิศทางการลงทุนในช่วงนี้ จึงแนะนำเข้าลงทุนแบบ Selective buy
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (18 เม.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,411.69 จุด ลดลง 39.54 จุด หรือ -0.11%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,391.69 จุด ลดลง 0.90 จุด หรือ -0.02% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,332.36 จุด ลดลง 18.72 จุด หรือ -0.14%
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 27,096.49 จุด เพิ่มขึ้น 296.78 จุด หรือ +1.11% ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,192.09 จุด ลดลง 3.43 จุด หรือ -0.11% และตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 21,106.00 จุด ลดลง 412.08 จุด หรือ -1.92%
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (18 เม.ย.) ที่ระดับ 1,668.06 จุด ลดลง 6.28 จุด, -0.38%
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 73.35 ล้านบาท เมื่อวันที่ 18 เม.ย.65
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน พ.ค.(18 เม.ย.) พุ่งขึ้น 1.26 ดอลลาร์ หรือ 1.2% ปิดที่ 108.21 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (18 เม.ย.) อยู่ที่ 19.50 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 33.72 อ่อนค่าจากวานนี้ หลังดอลลาร์แข็งค่ารับคาดการณ์เฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ย
- นายกฯสั่งทุกหน่วยงานจับตาสถานการณ์โควิด คาดใช้เวลา 1 สัปดาห์ประเมินสถานการณ์ "อนุทิน" เผยขอประเมินสถานการณ์ 14 วัน พิจารณาชงศบค.คลายล็อก ลุ้น 1 ก.ค.ปลดโควิด โรคประจำถิ่น กรมควบคุมโรคจับตาหลังสงกรานต์ 2-4 สัปดาห์ เฝ้าระวัง 2 กลุ่มหลัก หากสถานการณ์เป็นตามคาดการณ์ไม่กระทบเป้าเป็นโรคประจำถิ่น เดือนก.ค. ด้านบราซิลเตรียมยกเลิกมาตรการสาธารณสุขฉุกเฉินที่ใช้มากว่าสองปี
- บอร์ด กสทช.ป้ายแดง เข้าทำงานวันแรกพรุ่งนี้ สั่งสำนักงานฯ แจงวาระประชุมค้างจากบอร์ดชุดเก่า คาดมีเรื่องร้อนรอพิจารณา เปิดเสรีธุรกิจดาวเทียม ส่วนประเด็นควบทรู-ดีแทคปล่อยเป็นอำนาจ อนุฯกรรมการ และที่ปรึกษาอิสระ แหล่งข่าว ระดับสูง ไม่ยืนยันบริษัทใหม่ใช้ชื่อ "ทรู-ดี จำกัด" ขณะที่ตรวจสอบรายชื่อจดทะเบียนตั้งบริษัท "ยังไม่ปรากฏชื่อ" ดังกล่าว
- กนง.จับตา 3 ปัจจัย "โควิด ค่าครองชีพสูง-โกลบอลซัพพลายดิสรัป" ฉุดเศรษฐกิจไทยต่ำกว่าคาด ย้ำยังไม่ถึงเวลาใช้นโยบายดอกเบี้ย ระบุสงครามกดจีดีพีไทย 0.5% ห่วงหนี้ครัวเรือนไทยสูงอันดับ 2 เอเชีย
- สถานะกองทุนน้ำมัน ณ วันที่ 17 เม.ย.65 ติดลบแล้ว 50,614 ล้านบาท เป็นการติดลบบัญชีน้ำมัน 19,332 ล้านบาท และบัญชีก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) 31,282 ล้านบาท เพราะการเข้าไปอุดหนุนราคาน้ำมันดีเซลและแอลพีจี โดยกองทุนอุดหนุนราคาน้ำมันดีเซลที่ลิตรละ 7.35 บาท และแอลพีจีกิโลกรัม (กก.) ละ 19.84 บาท โดยกองทุนมีรายได้หลักจากกลุ่มเบนซิน ยกเว้น อี 85 ที่ชดเชยชนิดเดียว ส่งผลให้กองทุนมีฐานะติดลบต่อเนื่อง เพราะระดับราคาน้ำมันและแอลพีจีตลาดโลกที่ยังสูงอยู่ แม้ว่าล่าสุดรัฐบาลปรับขึ้นราคาแอลพีจีไปแล้ว 1 บาทต่อ กก. แต่ยังคงลดภาระได้ไม่มากนักเมื่อเทียบกับเงินที่ต้องชดเชยในจำนวนสูงมาก
- "มอร์นิ่งสตาร์" คาดทิศทางเม็ดเงินยังไหลออก "กองทุน" ช่วงที่เหลือของปีนี้ หากเงินเฟ้อพุ่ง-เฟดขึ้นดอกเบี้ย ฉุดมูลค่าตลาดหุ้นปรับตัวลง ยังไร้ปัจจัยตื่นเต้น บอนด์ยีลด์สูงอาจมีแรงขายกองทุนตราสารหนี้ จากไตรมาส 1 ปีนี้ เงินไหลออกสุทธิ 8.7 หมื่นล้าน และ AUM 4.1 ล้านล้าน ลดลงจากสิ้นปีก่อน 4.2%
- กฟผ.ลุยรับซื้อไฟฟ้าพลังงานทดแทนจากผู้ผลิตรายเล็ก พร้อมเดินหน้านำเข้า Spot LNG 2 ลำเรือ ตามมติ กกพ. ภายในเดือน เม.ย.-พ.ค.65 ทดแทนน้ำมันดีเซลและน้ำมันเตาในการผลิตไฟฟ้าช่วงราคาน้ำมันพุ่ง
*หุ้นเด่นวันนี้
- IMH (เคทีบีเอสที) เป้าเชิงกลยุทธ์ 23.00 บาท ประเมินรายได้การรักษาโควิด-19 ทรงตัวในระดับสูงต่อเนื่องในไตรมาส 2-3 2565 หนุนกำไรกลุ่ม รพ. ดีกว่าที่ตลาดคาด ปลายปี รพ. ประชาพัฒน์พร้อมเข้าตลาด เพื่อระดมทุนสร้าง รพ. แห่งใหม่ IMH แบริ่ง ขนาด 600 เตียง ระยะยาวช่วยยกระดับฐานรายได้ Bloomberg Consensus ประเมินกำไรสุทธิปี 2565-2566 ที่ 450 ลบ. และ 448 ลบ. +6%YoY และทรงตัวในปี 2566 ตามลำดับ
- ICHI (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ" เป้าหมาย 13 บาท ระยะสั้นคาดกำไร ไตรมาส 1/65 ฟื้นตัว +7% Y-Y แม้รายได้ส่งออกจะชะลอตัว และถูกกระทบจากต้นทุนเม็ดพลาสติกที่ปรับขึ้น แต่ชดเชยได้จากรายได้ในประเทศที่โตแข็งแกร่ง ขณะที่ส่วนแบ่งกำไรจากอินโดนีเซียยังดีต่อเนื่อง โมเมนตัม ไตรมาส 2/65 จะเร่งตัวจาก High Season และรับรู้รายได้จากไบเล่เต็มไตรมาส รวมถึงมีแผนออกสินค้าใหม่ต่อเนื่อง ส่วนลูกค้า OEM คาดเห็นในไตรมาส 3/65 เป็นต้นไป เรายังคาดกำไรปีนี้ +18% Y-Y
- BCP (คิงส์ฟอร์ด) "ซื้อ" เป้าหมาย 36.00 บาท ปัจจัยหนุนมาจากค่าการกลั่นที่ฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่องตามความต้องการใช้น้ำมันสำเร็จรูป และ Inventory อยู่ในระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ย ขณะที่ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นจากภาวะอุปทานตึงตัว ส่งผลบวกต่อการรับรู้กำไรจากสต๊อกน้ำมัน รวมถึงธุรกิจ E&P ที่มีการส่งก๊าซและน้ำมันดิบเข้าสู่ยุโรปจะได้รับประโยชน์จากความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครน โดยผลประโยชน์ดังกล่าวเพียงพอที่จะช่วยชดเชยธุรกิจการตลาดที่ถูกกระทบจากการตรึงราคาน้ำมันดีเซลหน้าสถานีบริการ และรายได้จากธุรกิจไฟฟ้าที่ลดลงตามปัจจัยฤดูกาล