นายเสถียร เศรษฐสิทธิ์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.คาราบาวกรุ๊ป (CBG) เปิดเผยว่า บริษัทฯ คาดรายได้ปี 65 จะเติบโตดีกว่าปีก่อน ที่มีรายได้อยู่ที่ 17,570.33 ล้านบาท จากการมุ่งเน้นใน 2 เรื่อง คือ 1. การออกผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเครื่องดื่มที่ CBG มีความชำนาญ และ 2. การกระจายสินค้าให้ครอบคลุมทั่วประเทศ ผ่านการขยายสาขาของร้านสะดวกซื้อ "CJ Express" ซึ่งเป็นอีกหนึ่งธุรกิจในเครือบริษัทฯ รวมถึงยังมีโครงข่ายในการจัดเก็บสินค้าที่ครอบคลุมทั่วประเทศ ทำให้สามารถรับจัดจำหน่ายให้กับสินค้าต่างๆ ได้
ขณะที่แนวโน้มการเติบโตในอนาคต มองสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 หลังจากนี้น่าจะเริ่มลดลง ส่งผลให้สถานการณ์ฯ ในอาเซียนดีขึ้น จึงเชื่อว่าเครื่องดื่มคาราบาวในอาเซียนจะยังมีช่องทางในการเติบโตได้อีกมาก โดยเฉพาะในเวียดนามและจีน อีกทั้งบริษัทฯ ยังมองหาโอกาสในการขยายตลาดไปในอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ หลังโควิด-19 คลี่คลาย
สำหรับราคาต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับตัวขึ้นไม่น้อยกว่า 30% ในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงแพคเกจจิ้ง โดยเฉพาะอลูมิเนียม เพื่อใช้ผลิตกระป๋องในการส่งออก บริษัทฯ ยอมรับว่าส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตพอสมควร หรือเพิ่มขึ้นราว 5-6% แต่อย่างไรก็ตามบริษัทฯ ได้ดำเนินการบริหารต้นทุนอย่างต่อเนื่อง เช่น การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้เครื่องจักรและแรงงาน, การติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปในโรงงาน โดยปีนี้มีแผนติดตั้งอีก 5 เมกะวัตต์ เป็นต้น