น.พ.ชาตรี ดวงเนตร รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่อาวุโส บมจ. กรุงเทพดุสิตเวชการ (BGH) เปิดเผยว่า ในปี 51รายได้ของบริษัทจะอยู่ที่ประมาณ 2.2 หมื่นล้านบาทจากปี 50 ที่มีรายได้ 1.8 หมื่นล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโต 10-15% จากเดิมที่วางแผนว่าจะมีอัตราเติบโตของรายได้ 15-20%
ทั้งนี้ การเติบโตของรายได้ลดลงมีสาเหตุมาจากปัญหาเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวจากปัญหาซับไพร์ม และธุรกิจที่เน้นผู้ป่วยที่เป็นชาวต่างชาติ อาจจะได้รับกระทบจากปัญหาดังกล่าว แต่หากมองเป็นโอกาสก็เป็นโอกาสที่ดี เพราะถ้าเทียบกับโรงพยาบาลระดับโลก ค่าบริการของเราถูกกว่าอเมริกา ยุโรป หรือ สิงคโปร์ รวมทั้งการบริการที่ดีกว่า
สำหรับปีนี้ บริษัทคาดว่าจะมีอัตรากำไรสุทธิ ที่ประมาณ 9% จาก 6-7% ในปีก่อน เนื่องจากบริษัทสามารถประหยัดต้นทุนดอกเบี้ยได้ประมาณ 100 ล้านบาทจากการปรับโครงสร้างหนี้ แม้ว่าปีนี้จะมีค่าธรรมเนียมพิเศษประมาณ 44 ล้านบาท ทำให้การรับรู้กำไรจากดอกเบี้ยลดลง
นอกจากนี้บริษัทจะพยายามประหยัดต้นทุนการดำเนินงานในส่วนอื่นๆด้วย
ทั้งนี้ บริษัทตั้งงบลงทุนปีนี้ไว้ที่ 2.2-2.5 พันล้านบาท ใช้ปรับปรุงโรงพยาบาลและลงทุนในโรงะพยาบาลที่จะเปิดในต่างประเทศ 3 แห่ง ประกอบด้วย กัมพูชา 2 แห่ง ซึ่งแห่ง 1 เปิดไปแล้วเมื่อปลายปี 50 และจะเปิดบริการทั้งระบบไตรมาส 3 ปี 51 ส่วนอีกแห่งเป็นโรงพยาบาลขนาด 100 เตียง จะเริ่มก่อสร้างในปีนี้ ส่วนอีกแห่งคือ เมืองอาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ขนาด 30 เตียง 1 แห่ง คาดว่าจะเปิดก.ย.51
สำหรับในประเทศ จะเปิดโรงพยาบาลขนาด 50 เตียงที่หัวหิน คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างปีนี้เช่นกัน
*ยังไม่มีแผนเพิ่มสัดส่วนหุ้นใน RAM-PYT
สำหรับแผนการเข้าลงทุนเพิ่มใน บมจ. โรงพยาบาลรามคำแหง (RAM) ซึ่งขณะนี้ถือหุ้น 38.24% นั้น น.พ.ชาตรี กล่าวว่า ยังไม่มีแผนเข้าลงทุนเพิ่ม เนื่องจากเราต้องใช้เงินกว่า 1 พันล้านบาท เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นจาก 19% มาที่ 38% ซึ่งหากจะลงทุนเพิ่มจะกลายเป็นภาระทางการเงินของบริษัท
ส่วนบมจ. ประสิทธิ์พัฒนา (PYT) ผู้บริหารโรงพยาบาลพญาไทที่ปัจจุบันบริษัทถือหุ้นอยู่ 16% ก็ยังไม่มีแผนลงทุนเพิ่มเช่นกัน
สำหรับปีนี้ คาดว่าจะรับรู้รายได้จาก RAM กว่า 100 ล้านบาท
--อินโฟเควสท์ โดย สารภี สายะเวส/นิศารัตน์/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--