ขณะเดียวกันธนาคารยังใช้จุดแข็งของกลุ่ม JPC และ MNC ในการให้บริการทั้งกลุ่มลูกค้าญี่ปุ่นและบรรษัทข้ามชาติ ในการขยายเครือข่ายในระดับโลก ที่ส่งมอบให้ลูกค้าทั้งบริการทางการเงินและบริการที่ช่วยเพิ่มมูลค่าต่างๆ เช่น การจับคู่ทางธุรกิจ นอกจากนี้ การผสานพลังกับ MUFG ช่วยให้เรามีเครือข่ายระดับโลกที่ครอบคลุมถึง 50 ประเทศ พร้อมทั้งเครือข่ายในอาเซียน 9 ประเทศ คือ ไทย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ กัมพูชา ลาว อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ และเมียนมา โดยธนาคารมีความพร้อมที่จะเชื่อมต่อกลุ่มบริษัทญี่ปุ่น บรรษัทข้ามชาติ และบริษัทไทย และด้วยเครือข่ายระดับโลก ทำให้สามารถส่งมอบโซลูชั่นแก่ลูกค้าธุรกิจที่สนใจจะขยายธุรกิจสู่ต่างประเทศได้ และสร้างการต่อยอดโอกาสของธนาคารได้ "เราเชื่อมั่นว่าด้วยความสามารถอันแตกต่างของกรุงศรีและความสำเร็จอย่างต่อเนื่องตลอดหลายปี เราจะช่วยขยายโอกาสและขับเคลื่อนการเติบโตของทั้งธุรกิจญี่ปุ่นและบรรษัทข้ามชาติ ร่วมทั้งยังส่งผลดีต่อธุรกิจไทยในฐานะคู่ค้า และสำคัญที่สุดคือช่วยส่งเสริมการเติบโตของเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง" นายโฮริโอะ กล่าว
ส่วนในปีที่ผ่านมากลุ่มธุรกิจ JPCและ MNC ยังประสบความสำเร็จในการนำเสนอความแตกต่างในการให้บริการและผลิตภัณฑ์ให้กับลูกค้าด้วยความร่วมมือกับ MUFG ได้แก่ การออกพันธบัตรสีเขียวและสินเชื่อสีเขียวเป็นครั้งแรกสำหรับลูกค้าธุรกิจญี่ปุ่นในประเทศไทยแก่บริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด ความร่วมมือกับ MUFG และ MUFG Innovation Partners ในการสนับสนุนการลงทุนในสตาร์ทอัพไทยให้เติบโตและขยายธุรกิจสู่ต่างประเทศ การสนับสนุนกิจกรรมการเจรจาจับคู่ทางธุรกิจ หรือ Business Matching ระหว่างลูกค้าบริษัทไทย ญี่ปุ่น และเครือข่าย MUFG ในอาเซียนอย่างต่อเนื่องในปี 64 ที่มีการเจรจาจับคู่ทางธุรกิจถึง 473 คู่ ความร่วมมือกับ Mitsubishi UFJ Research & Consulting (MURC) ในการสนับสนุนลูกค้าธุรกิจในการวิจัยการตลาดและการให้บริการที่ปรึกษาอื่นๆ ซึ่งกรุงศรีประสบความสำเร็จในการสนับสนุนการลงทุนในประเทศอินเดียของลูกค้าธุรกิจกลุ่มวัสดุก่อสร้าง และการส่งเสริมการลงทุนใน EEC ด้วยการนำเสนอโซลูชั่นทางการเงินและการทำงานอย่างใกล้ชิดกับลูกค้าสำนักงาน EEC รวมทั้งการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนหรือ BOI และนิคมอุตสาหกรรมต่าง ๆ นำมาซึ่งความสำเร็จในการลงทุนของลูกค้าธุรกิจจากประเทศสิงคโปร์ใน EEC