นายฐกร รัตนกมลพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการ บมจ.ดิทโต้ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 65 ของ DITTO มีมติรับรองงบการเงินประจำปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค.64 ซึ่งผู้สอบบัญชีได้ตรวจสอบแล้ว รวมถึงอนุมัติจ่ายปันผลให้กับผู้ถือหุ้น สำหรับผลประกอบการงวดปี 64 เป็นหุ้นสามัญในอัตรา 5 หุ้นเดิม ต่อ 1 หุ้นปันผล จำนวนไม่เกิน 88 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท เทียบเป็นมูลค่าเท่ากับอัตราการจ่ายปันผลหุ้นละ 0.10 บาท พร้อมอนุมัติจ่ายปันผลเป็นเงินสดในอัตราหุ้นละประมาณ 0.0111 บาท
หรือรวมเป็นการจ่ายปันผลในอัตราหุ้นละประมาณ 0.1111 บาท โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 16 มี.ค.65 และกำหนดจ่ายเงินปันผลภายในวันที่ 20 พ.ค.65 พร้อมจัดสรรกำไรเป็นทุนสำรองตามกฏหมายจำนวน 4,153,918.11 บาท รวมเป็นเงินสำรองตามกฏหมาย ณ วันที่ 31 ธ.ค.64 ทั้งสิ้น 22,000,000 บาท
ที่ประชุมผู้ถือหุ้นยังได้อนุมัติการออกและจัดสรรใบสำคัญแสดงสิทธิ หรือ วอร์แรนต์ (DITTO-W1) อายุ 3 ปี จำนวนไม่เกิน 88 ล้านหน่วย มูลค่าหุ้นละ 0.50 บาท ให้กับผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้นในอัตราส่วน 5 หุ้น ต่อ 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิ์ 1 โดยวอร์แรนต์ 1 หน่วย มีสิทธิซื้อหุ้นสามัญได้ 1 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ราคาใช้สิทธิคือ 40 บาทต่อหุ้น บริษัทจะกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับการจัดสรร DITTO-W1 (Record Date) ในวันที่ 29 เม.ย.65
นอกจากนี้ยังได้อนุมัติการออกและจัดสรรใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทฯ ให้แก่กรรมการ และ/หรือ พนักงานของบริษัท และ/หรือบริษัทย่อย (ESOP-W1) อายุ 5 ปี จำนวนไม่เกิน 12,000,000 หน่วย โดยไม่คิดมูลค่า ที่อัตราการใช้สิทธิ ESOP-W1 จำนวน 1 หน่วย มีสิทธิซื้อหุ้นสามัญได้ 1 หุ้น (มูลค่าหุ้นที่ตราไว้ หุ้นละ 0.50 บาท)
นายฐกร กล่าวว่า วัตถุประสงค์ของการออกใบสำคัญแสดงสิทธิ DITTO-W1 นั้นเพื่อเป็นเงินทุนรองรับการเติบโตของธุรกิจของบริษัทและบริษัทย่อยในอนาคต สำหรับเป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัทและการลงทุนในโครงการหรือธุรกิจใหม่ อีกทั้ง ยังเป็นการเตรียมความพร้อมในการย้ายเข้าไปเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในอีก 3 ปีข้างหน้า ตามแผนที่บริษัทวางไว้ คาดว่าจะนำวอแรนต์ DITTO-W1 เข้าจดทะเบียนในตลาด mai ได้ภายในไตรมาส 2 ของปีนี้
ส่วนการดำเนินงานในปี 65 ทางกลุ่ม DITTO มี Backlog (ยอดขายที่รอรับรู้รายได้จากการโอน) ในมือจนถึงสิ้นเดือนก.พ.65 มูลค่า 1,578 ล้านบาท โดยแบ่งในส่วน ของกลุ่มธุรกิจระบบบริหารจัดการเอกสาร 424 ล้านบาท และกลุ่มวิศวรรมด้านเทคโนโลยี 1,154 ล้านบาท ซึ่งยังไม่รวม Backlog จากธุรกิจกลุ่มเครื่องพิมพ์ เครื่อง POS และระบบไดร์ฟทรู โดยจะสามารถเริ่มทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ปี 65 เป็นต้นไป