UECเผยต่างชาติรุมจีบถือหุ้นลุ้นขยายเพดานเม.ย./เล็งปรับราคางานรับต้นทุน

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday March 17, 2008 14:40 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          บมจ.ยูนิมิต เอนจิเนียริ่ง(UEC) ลุ้นที่ประชุมผู้ถือหุ้น เม.ย.นี้อนุมัติขยายเพดานการถือหุ้นของต่างชาติเป็น 49% จากเดิม 39% เปิดทางนักลงทุนและกองทุนต่างประเทศหลายรายที่แห่รุมจีบเข้าถือหุ้นเพิ่มทั้งเจรจาโดยตรงและผ่านโบรกเกอร์ เล็งเลือกรายที่ให้ราคาดีที่สุด ด้านแผนงานธุรกิจปีนี้เตรียมปรับราคารับงานใหม่ให้สอดคล้องต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น เพื่อรักษามาร์จิ้นไม่ต่ำกว่า 17-18% ในปีก่อน ท่ามกลางปัจจัยลบรอบด้าน
นายไทยลักษณ์ ลี้ถาวร ประธานกรรมการบริหาร UEC เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า ที่ผ่านมานักลงทุนต่างชาติและกองทุนหลายรายสนใจเข้ามาเจรจาและสอบถามรายละเอียดการถือหุ้นเพิ่ม แต่ทุกรายเป็นห่วงจำนวนหุ้นที่มีน้อยและเพดานถือหุ้นต่างชาติที่ยังจำกัดไว้ที่ 39% และปัจจุบันมีผู้ถือหุ้นต่างชาติอยู่แล้ว 20% ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯจึงขอให้ปรับเพิ่มเป็น 49% ตามมาตรฐาน ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องขึ้นอยู่กับการอนุมัติของที่ประชุมผู้ถือหุ้นในเดือนเม.ย.นี้
"เดิมนักลงทุนต่างชาติหรือพวก fund ถามตลอดเวลา liquidity (สภาพคล่อง) ไม่มี เราก็ลดพาร์จาก 1 บาท/หุ้น เป็น 0.25 บาท/หุ้น เพื่อให้ liquidity มากขึ้น พอ liquidity เริ่มจะดีขึ้น ต่างชาติถือได้น้อยช่วยปรับหน่อย ก็พยายามจะปรับให้เท่าที่ทำได้" นายไทยลักษณ์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันก็ยังไม่มีข้อตกลงกันในเรื่องนี้ แต่หากผู้ที่ต้องการเข้ามาเป็นพันธมิตรให้ราคาดีก็น่าจะทำให้ผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่สนใจ แต่ก็คงมีผู้ถือหุ้นบางส่วนที่เห็นว่า UEC มีโอกาสความเจริญก้าวหน้าในอนาคต เพราะอยู่ในอุตสาหกรรมที่เจริญเติบโตสูง และผู้ลงทุนต่างชาติก็คงเห็นเหมือนกัน ดังนั้น ก็คงอยู่ที่ข้อตกลงต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องราคา ซึ่งคิดว่าไม่ใช่เรื่องที่เจรจากันง่ายๆ แต่คงต้องใช้เวลาอีกนาน เพราะมีหลายเจ้าเข้ามาเจรจาโดยเจรจาผ่านทางผมและทางโบรกเกอร์ด้วย
"ส่วนใหญ่คงเป็นกองทุนฝรั่ง ทั้งที่สิงคโปร์และฮ่องกงมีทั้งหมด แต่กองทุนฝรั่งที่มาจะเทียบมาร์เก็ตแคปของ UEC ที่ประมาณ 4,000-5,000 ล้านบาทใครจะมาสนใจ ราคาจะต้องดูดีกว่าที่จะดึงดูดให้ผู้ถือหุ้นเดิมสนใจจะขาย เพราะตอนนี้ผู้ถือหุ้นเดิมก็ยัง happy อยู่กับผลงานบริษัทและเงินปันผลของบริษัทอยู่"นายไทยลักษณ์ กล่าว
อนึ่ง UEC มีมาร์เก็ตแคป 4.604 พันล้านบาท
*ปรับราคารับงานสอดคล้องต้นทุน รักษาอัตรากำไรสุทธิที่ 17-18% เท่าปีก่อน
นายไทยลักษณ์ กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทคงต้องปรับราคารับงานใหม่อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบโดยเฉพาะเหล็กปรับขึ้นมาโดยตลอด หากงานไหนที่ยังไม่ตกลงเป็นทางการ ก็จะมีการปรับราคาหากต้นทุนขึ้นไป เพื่อรักษาอัตรากำไรสุทธิ (net profit margin)ไว้ที่ 17-18% เท่าปีก่อน ถึงแม้จะมีปัจจัยลบหลายอย่างทั้งราคาน้ำมันและราคาเหล็ก โดยในช่วงไตรมาส 1/51 งานยังล้นมืออยู่ และยังมีคำสั่งซื้อทยอยเข้ามา
"ไม่สามารถจะตอบได้เป็นเปอร์เซ็นต์ว่าจะปรับขึ้นเท่าไหร่ แต่เราพยายามจะปรับให้ใกล้เคียงกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นมากกว่า อยู่ที่ว่าเราจะรับราคาวัตถุดิบได้มากน้อยแค่ไหน เราก็พยายามจะทำมาร์จินให้ดีที่สุดแต่ก็มีข้อจำกัดหลายๆ ด้านโดยเฉพาะปีนี้เหนื่อย... ราคาน้ำมันปรับขึ้น เหล็กขึ้น ทุกอย่างต้องบริหารกันอย่างใกล้ชิดมาก"นายไทยลักษณ์ กล่าว
อนึ่ง ก่อนหน้านี้ UEC ตั้งเป้าหมายรายได้ในปี 51 ไว้ว่าจะเติบโต 30% มาที่ 2,300 ล้านบาท ขณะที่มี backlog แล้วกว่า 1.7 พันล้านบาท จากในปี 50 ที่รายได้เติบโตเกินเป้าหมายไปที่ 40%
นายไทยลักษณ์ กล่าวว่า อัตรากำไรสุทธิที่ 17-18% ในปี 50 แม้จะลดลงจากปี 49 ที่อยู่ในระดับ 21-22% โดยขึ้นกับ product mix นอกจากนั้นการแข่งขันในตลาดก็สูงขึ้น และเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง หลายปัจจัยประกอบกัน ขณะที่ปี 49 บริษัทมีงานเข้ามาอย่าง over capacity
"net profit margin ปีนี้คือสิ่งที่เราพยายามจะให้ดีขึ้นหรือไม่ให้ต่ำกว่าเดิมจากปีที่แล้วอยู่ที่ 17-18% ซึ่งจริงๆ โดยหลักการแล้วมาร์จิ้นแค่นี้ก็ถือว่าดีมาก แต่บังเอิญนักลงทุนไปดูมาร์จิ้นของปี 49 ที่ 21-22% ซึ่งปี 49 เป็นปีที่พิเศษมากเอาตัวนั้นเป็นหลัก ซึ่งคงเอามาเทียบกันไม่ได้"นายไทยลักษณ์ กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ