นายธนา โพธิกำจร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กสิกร ไลน์ จำกัด กล่าวว่า หลังจากที่ LINE BK เปิดตัวแคมเปญ "ร้อนเงินเมื่อไหร่ ยืม LINE ง่ายกว่า" ตั้งแต่เดือนก.พ.ที่ผ่านมา เพื่อมุ่งขยายฐานลูกค้าทั่วประเทศและเป็นที่พึ่งทางไลน์ตัวจริง แคมเปญดังกล่าวสามารถช่วยสร้างการรับรู้ให้คนรู้จัก LINE BK มากขึ้น มียอดผู้สมัครใช้บริการสินเชื่อเพิ่มสูงขึ้นประมาณ 20% และมียอดเปิดวงเงินสูงสุดในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ส่งผลให้ยอดสินเชื่อคงค้างแตะ 1.7 หมื่นล้านบาท และทำให้ LINE BK มีส่วนแบ่งทางการตลาดในธุรกิจสินเชื่อนาโนเพิ่มขึ้นเป็น 4.3% สำหรับยอดสินเชื่อคงค้างในระบบ และจำนวนลูกค้าเติบโตขึ้นเป็น 6.8% และแคมเปญดังกล่าวยังทำให้ LINE BK สามารถขยายฐานลูกค้าในต่างจังหวัดได้มากขึ้น โดยเฉพาะในภาคอีสานที่มียอดสมัครสินเชื่อเพิ่มสูงขึ้นมากที่สุด และพอร์ทรวมลูกค้าขณะนี้เกือบครึ่งหนึ่งเป็นผู้มีอาชีพอิสระ
แคมเปญ "ร้อนเงินเมื่อไหร่ ยืม LINE ง่ายกว่า" เป็นการทำการตลาดบนกลยุทธ์ Music Marketing ครั้งแรกของ LINE BK ด้วยความตั้งใจที่ต้องการเพิ่มโอกาสให้คนไทยที่มีรายได้น้อยสามารถเข้าถึงสินเชื่อถูกกฎหมายได้มากขึ้น ช่วยลดปัญหาหนี้นอกระบบ ผ่านบริการสินเชื่อทั้ง 2 ประเภท ได้แก่ วงเงินให้ยืม (Credit Line - สินเชื่อส่วนบุคคล) และวงเงินให้ยืมนาโน (Nano Credit Line - สินเชื่อรายย่อยเพื่อการประกอบอาชีพ) แคมเปญฯ ประกอบด้วยการทำเพลงและมิวสิควิดีโอ "ที่พึ่งทางไลน์" ที่ได้ร่วมมือกับค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ RSIAM ในเครือ RS GROUP
โดยดึงนักร้องลูกทุ่งคุณภาพอย่าง ใบเตย อาร์สยาม และ URBOYTJ แร็ปเปอร์ชื่อดัง มาร่วมถ่ายทอดเรื่องราวของเพลงในรูปแบบลูกทุ่งผสมแร็ป รวมถึงการทำโฆษณาชุดใหม่ที่หยิบ Pain Point เรื่องเงินจาก 3 กลุ่มอาชีพที่เป็นเหมือนตัวแทนของกลุ่มลูกค้าของ LINE BK ได้แก่ มนุษย์เงินเดือน ฟรีแลนซ์หรือผู้ไม่มีรายได้ประจำ และหนุ่มสาวโรงงาน พร้อมตอกย้ำจุดเด่นบริการสินเชื่อ LINE BK ที่ยืมง่ายผ่านแอปพลิเคชัน LINE อนุมัติไว ไม่ต้องใช้สลิปเงินเดือน และรายได้ขั้นต่ำเพียง 5,000 บาท ก็สามารถสมัครได้
ทาง LINE BK ได้มีการโปรโมทแคมเปญฯ ผ่านสื่อโฆษณาและทำการประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ ทั้งโฆษณาทางโทรทัศน์ โฆษณาบนโซเชียลมีเดีย อาทิ Facebook, LINE, Twitter, YouTube และ TikTok รวมถึงการใช้สื่อกลางแจ้ง (OOH) อย่างป้ายบิลบอร์ด โฆษณาบนรถโดยสารสาธารณะ และป้ายโฆษณาตามชุมชน เป็นต้น ซึ่งจากการทำแคมเปญฯ มาเป็นระยะเวลากว่า 2 เดือนนั้น ทำให้ LINE BK สามารถเข้าถึงประชากรไทยได้มากกว่า 37 ล้านคน คิดเป็น 56% ของจำนวนประชากรไทยทั้งประเทศที่มีอยู่กว่า 66.1 ล้านคน
"ย้อนไปถึงจุดเริ่มต้นที่คาดหวังเจาะกลุ่มเป้าหมายผ่านเสียงเพลงในครั้งนี้ คือ เราต้องการสร้างการรับรู้ให้คนไทยรู้จัก LINE BK และสามารถเข้าถึงสินเชื่อที่ถูกกฎหมายได้ง่ายขึ้น ลดปัญหาหนี้นอกระบบ โดยเฉพาะในพื้นที่ต่างจังหวัด ซึ่งแคมเปญที่ปล่อยออกไปช่วยปลุกกระแสให้คนสนใจ รวมไปถึงสื่อในช่องทางต่างๆก็ได้เข้ามาช่วยสนับสนุนทำให้ยอดสมัครสินเชื่อมีการเติบโตไปในทิศทางที่คาดหวังไว้ทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ" นายธนา กล่าว