นางสาวสุวรรณี สุวรรณแสงโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ตาชำนิ (CEYE) เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาการลงทุนในเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) รองรับการซื้อขายงานที่บริษัทผลิตขึ้นเพื่อต่อยอดธุรกิจ เนื่องจากเป็นเทคโนโลยีที่สามารถตรวจสอบได้ มีความถูกต้อง และ แม่นยำ โดยคาดว่าจะเห็นความชัดเจนของรูปแบบการลงทุนใน 3 เดือน และใช้ระยะเวลาอย่างน้อย 9 เดือนในการพัฒนา
สำหรับทิศทางรายได้ในปี 65 บริษัทมั่นใจว่าจะฟื้นกลับไปใกล้เคียงกับช่วงก่อนการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในปี 62 ที่มีรายได้ 300 ล้านบาท หรือเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% จากปีก่อน หลังจากปริมาณงานเริ่มกลับมาเพิ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงไตรมาส 4/64 ต่อเนื่องมาช่วงไตรมาส 1/65 แม้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จะยังคงมีอยู่ แต่ประชนเริ่มกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้มากขึ้น ช่วยหนุนให้กิจกรรมทางด้านเศรษฐกิจกลับมา และผู้ประกอบการสามารถทำการตลาดได้เพิ่มขึ้น อาทิ ผลิตภัณฑ์ด้านอุปโภคบริโภค รถยนต์ไฟฟ้า และอื่นๆ
ขณะที่ช่วงไตรมาส 2/65 บริษัทยังคงมั่นใจว่าผลประกอบการจะสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากภาพรวมของอุตสาหกรรมโฆษณายังมีทิศทางที่ดีขึ้น ขณะเดียวกันภาครัฐได้ผ่อนคลายมาตรการเดินทางเข้าประเทศจะช่วยหนุนให้ผู้ประกอบการจากต่างประเทศเดินทางเข้ามายังประเทศไทยได้ง่ายขึ้น จะเป็นส่วนหนุนให้งานจากต่างประเทศเติบโตได้
"ทิศทางผลประกอบการของเราเริ่มฟื้นตัวมาตั้งแต่ช่วงไตรมาส 4/64 ที่ผ่านมาและต่อเนื่องจนถึงไตรมาส 1 ต่อไตรมาส 2 ซึ่งอุตสาหกรรมโฆษณามีการเติบโตตามเศรษฐกิจ และ เรายังคงเดินหน้าหาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆเข้ามาเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง"นางสาวสุวรรณี กล่าว