ตลาดหลักทรัพย์ ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,652.29 จุด ลดลง 15.15 จุด (-0.91%) มูลค่าการซื้อขาย 67,070.07 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นวันนี้เคลื่อนไหวในแดนลบตลอดทั้งวัน ก่อนปรับตัวลงแรงช่วงท้ายตลาด โดยดัชนีขึ้นไปทำระดับสูงสุด 1,668.54 จุด และลงไปต่ำสุดที่ 1,649.50 จุด
ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 338 หลักทรัพย์ ลดลง 1,509 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 371 หลักทรัพย์
นายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ รองกรรมการผู้จัดการสายงานค้าหลักทรัพย์บุคคล บล.บัวหลวง กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ ปรับตัวลดลง รับแรงขายทยอยลดความเสี่ยงก่อนการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จากการพิจาณาปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยอีก ครั้ง ซึ่งทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ 10 ปี (Bond yield) ปรับตัวขึ้นเกือบ 3% กดดันตลาดหุ้น และยังมีแรงขาย หุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กออกมากดดันดัชนีค่อนข้างมากในวันนี้ แม้ว่าวอลลุ่มการซื้อขายจะไม่มาก
ขณะที่ตลาดหุ้นไทยในวันพรุ่งนี้ (4 พ.ค. 65) จะปิดทำการอีก 1 วัน ทำให้นักลงทุนอาจจะขายปรับลดความเสี่ยงของ พอร์ตออกมาก่อน และรอดูปัจจัยการประชุมเฟดในคืนวันนี้และพรุ่งนี้ อีกทั้งค่าเงินบาทที่อ่อนค่ายังเป็นกดดันต่อตลาดหุ้นไทยด้วยเช่น กัน ด้านตลาดหุ้นเอเชียวันนี้ส่วนมากปิดทำการ ส่วนตลาดหุ้นที่เปิดเคลื่อนไหวบวกและลบสลับกัน
แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในวันพฤ. (5 พ.ค. 65) ยังคงต้องดูการประชุมเฟดที่จะออกมาว่าเป็นอย่างไร และการส่ง สัญญาณถึงการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งต่อไปอย่างไร ซึ่งมองว่าหากไม่มีปัจจัยออกมาเซอร์ไพร์สและเป็นไปตามที่ตลาดคาด คาดว่าดัชนีอาจจะรีบาวด์แกว่งขึ้นมาได้ โดยให้แนวต้าน 1,670 จุด แนวรับ 1,650 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
SCB มูลค่าการซื้อขาย 3,036.96 ล้านบาท ปิดที่ 117.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท
BANPU มูลค่าการซื้อขาย 2,290.15 ล้านบาท ปิดที่ 12.20 บาท ลดลง 0.10 บาท
BDMS มูลค่าการซื้อขาย 2,271.27 ล้านบาท ปิดที่ 25.25 บาท ลดลง 0.50 บาท
ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 1,266.96 ล้านบาท ปิดที่ 212.00 บาท ลดลง 3.00 บาท
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,232.39 ล้านบาท ปิดที่ 151.00 บาท ลดลง 2.00 บาท