นายไนยวน ชิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอ็ม.ซี.เอส.สตีล (MCS) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้เซ็นสัญญาในการรับจ้างผลิตงานใหม่ 8 โครงการ รวมทั้งสิ้น 121,000 ตัน โดยทั้ง 8 โครงการมีระยะเวลาผลิตเริ่มตั้งแต่ปี 65-68 ซึ่งโครงการใหม่ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดอยู่ที่ 41,000 ตัน ของบริษัท Kajima Corporation เป็นโครงการขนาดใหญ่ในประเทศญี่ปุ่น ทั้งนี้บริษัทฯมีงานรับล่วงหน้าที่ค้างอยู่ประมาณ 66,000 ตัน ซึ่งเมื่อรวมกับงานใหม่อีก 8 โครงการ ทำให้บริษัทมีงานรับล่วงหน้าแล้วทั้งหมด 187,000 ตัน โดยเป็นงานในมือจนถึงปี 2568 ซึ่งงานดังกล่าวไม่รวมส่วนของโรงงานในประเทศจีนและประเทศญี่ปุ่น
นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ส่งมอบโครงการ Toranomon Azabudai อาคารสูงที่สุดในโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ที่ได้รับการจัดอันดับอาคารสีเขียวในระดับแพลตินัม ประเภท ND.LEED จาก US Green Building Council (USGBC) ที่ประเมินรองรับอาคารและเมืองทั่วโลก สะท้อนถึงมาตรฐานโครงการในระดับดีเยี่ยมและเป็นโครงการที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่น ส่งผลดีต่อบริษัทที่จะทำให้ได้โครงการใหม่เพิ่ม ซึ่งบริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาโครงการใหม่ที่มีชื่อเสียง ไม่แพ่โครงการ Toranomon Azabudai มูลค่าโครงการราว 40,000 ตัน คาดว่าจะสามารถได้ข้อสรุปโครงการนี้ภายในสิ้นปี 65 ขณะเดียวกันพร้อมเร่งเจรจาอีก 1-2 โครงการ มูลค่าประมาณ 30,000 ตัน คาดจะได้ข้อสรุปในช่วงไตรมาส 1/66
"สำหรับ 8 โครงการใหม่ที่เราได้เซ็นสัญญา รวมแล้วกว่า 121,000 ตัน แน่นอนว่าจะทำให้มีงานในมือรองรับได้ถึงปี 68 แต่จากศักยภาพของเราที่เร่งปรับปรุงในหลายด้าน ทำให้วันนี้เราเชื่อว่า MCS จะสามารถรับงานได้เพิ่มขึ้น ซึ่งผมกำลังอยู่ระหว่างเจรจาอีกราวๆ 70,000 ตัน เมื่อรวมทั้งหมดแล้วเราสามารถตุนงานในมือได้ประมาณ 260,000 ตัน ในช่วง 5 ปีจากนี้ สะท้อนว่า MCS กำลังจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง" นายไนยวน ชิ กล่าว
ขณะที่บริษัทฯ ได้เดินหน้าพัฒนาหลายส่วนขององค์กรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจโดยใช้เวลา 1-2 เดือน เพื่อรองรับการผลิตที่มีศักยภาพมากขึ้น อาทิ การปรับปรุงโรงงานโดยการนำเข้าและติดตั้งเครื่องจักรใหม่ภายในโรงงาน, การติดตั้งห้อง War Room เพื่อให้เป็นศูนย์กลางของการบริหารงานโดยให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงข้อมูลและสถานะของโครงการได้อย่าง Real Time เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของบริษัท, การนำระบบ IT เข้ามาใช้โดยให้พนักงานทุกคนส่งข้อมูลผ่าน Tablet เพื่อลดการใช้เอกสาร (paperless), การนำโปรแกรมแบบ แบบ 3 มิติ (3D) เพื่อให้ช่างสามารถดูงาน ดูแบบของโครงการเพื่อให้เห็นภาพรวมของชิ้นงานได้ชัดเจนยิ่งขึ้น และรองรับงานใหม่ที่จะมีเพิ่มขึ้นในอนาคต ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นการก้าวสู่นวัตกรรมใหม่ที่บริษัทพร้อมเปลี่ยนแปลงเพื่อรองรับการเติบโตอย่างยั่งยืน