สยามแก๊ส เตรียมขาย IPO 280 ล้านหุ้น ระดมทุนขยายสาขา-เป็นทุนหมุนเวียนฯ

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday March 18, 2008 09:38 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          นายศุภชัย วีรบวรพงศ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ. สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ (SGP) ผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจค้าก๊าซปิโตรเลียมเหลว (ก๊าซ LPG) รายใหญ่ของประเทศ เปิดเผยว่า บริษัทฯ อยู่ระหว่างการขออนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อนำเสนอขายหุ้นให้กับประชาชน จำนวน 260 ล้านหุ้น และเสนอขายหุ้นแก่กรรมการและพนักงานจำนวนไม่เกิน 20 ล้านหุ้น 
สำหรับวัตถุประสงค์ของการเพิ่มทุนในครั้งนี้เพื่อนำเงินไปใช้ในการขยายสาขาทั้งในประเทศและต่างประเทศ ตลอดจนชำระคืนเงินกู้และเป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัทฯ
ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ที่ผ่านมามีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีรายได้รวมอยู่ที่ 14,938.67 ล้านบาท โดยมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่ายและภาษีเงินได้ 903.53 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิเท่ากับ 442.42 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2549 ประมาณ 80% สินทรัพย์รวมเท่ากับ 5,790.96 ล้านบาท
ปัจจุบัน บริษัทฯ มีทุนจดทะเบียน และเรียกชำระแล้ว 670 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 670 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท และเมื่อรวมกับหุ้นที่นำเสนอขายให้กับประชาชนและกรรมการและพนักงานครั้งนี้ จำนวน 280 ล้านหุ้น จะทำให้บริษัทฯ มีทุนจดทะเบียน รวม 950 ล้านหุ้น
SGP เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจค้าก๊าซปิโตรเลียมเหลว(LPG)รายใหญ่ของประเทศ ที่ประกอบธุรกิจค้าก๊าซปิโตรเลียมเหลว (ก๊าซ LPG) และผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีอื่น ภายใต้เครื่องหมายการค้า “สยามแก๊ส" และ “ยูนิคแก๊ส" และประกอบธุรกิจขนส่งก๊าซ LPG และผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมอื่น ด้วยระบบโครงข่ายที่ครบวงจร ครอบคลุมทั่วประเทศ พร้อมช่องทางการจัดส่งและจัดจำหน่ายที่อำนวยความสะดวกและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อลูกค้า โดยมีบริษัทย่อยในกลุ่มรวมทั้งสิ้น 8 บริษัท
สยามแก๊สมีลูกค้า 3 ประเภท คือ ลูกค้าที่นำก๊าซ LPG ไปใช้เป็นก๊าซหุงต้ม (สัดส่วนราว 51.7%) เช่น โรงบรรจุก๊าซ LPG ร้านค้าก๊าซ LPG และผู้ใช้ก๊าซหุงต้มในครัวเรือน โรงแรม และภัตตาคาร กลุ่มที่สองคือลูกค้าที่นำก๊าซ LPG ไปใช้เป็นเชื้อเพลิงในรถยนต์ (25.5%) เช่น สถานีบริการก๊าซ LPG และรถยนต์ที่ใช้ก๊าซ LPG เป็นเชื้อเพลิง และกลุ่มสุดท้ายคือลูกค้าที่นำก๊าซ LPG ไปใช้ในด้านอุตสาหกรรม (9.5%) ได้แก่ โรงงานอุตสาหกรรม เป็นต้น ปัจจุบันบริษัทฯ และบริษัทในเครือ มีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 2 ของตลาดราว 31%

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ