นางสาวสุธิดา มงคลสุธี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ซินเน็ค (SYNEX) กล่าวว่า ผลประกอบการไตรมาส 1/65 มีรายได้จากการขายและให้บริการ 9.95 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.31% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรขั้นต้น 457.36 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 15.33% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 222.29 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.06% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากดีมานด์สินค้าไอทีเติบโตขึ้นต่อเนื่อง จากความก้าวหน้าของเทคโนโลยีเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และการใช้ชีวิตของผู้บริโภคยุคใหม่
ขณะที่ปัญหาซัพพลายสินค้าไอทีผ่อนคลายลง จึงสามารถผลักดันรายได้ของบริษัทเติบโตขึ้นในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ เช่น กลุ่มส่วนประกอบคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน แอสเซสเซอรี่ โน๊ตบุ๊ค สนับสนุนรายได้เติบโตตามเป้าหมาย และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไฮไลท์ในกลุ่มสินค้าคอมเมอร์เชียลที่มียอดขายเติบโตอย่างโดดเด่นถึง 32% โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าระบบเครือข่ายและความปลอดภัย (Network & Security)
รวมทั้งกลุ่มคอมพิวเตอร์แบบพกพาสำหรับองค์กร เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 เริ่มดีขึ้น ทำให้มีการลงทุนในโครงการต่างๆ มากขึ้นทั้งในภาครัฐและในภาคเอกชน รวมถึงการเติบโตของยอดขายในกลุ่มสินค้าเกมมิ่งในไตรมาสแรกนี้ ส่งผลให้บริษัทสามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้นให้อยู่ในระดับที่ดี โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 4.59%
นอกจากนี้ บริษัทยังคงให้ความสำคัญต่อการควบคุมค่าใช้จ่ายทั้งด้านการจัดจำหน่ายและการบริหาร โดยใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยบริหารจัดการให้ธุรกิจดำเนินไปได้อย่างรวดเร็ว จึงเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการและสร้างโอกาสการเจริญเติบโตของธุรกิจได้อย่างยั่งยืน
อย่างไรก็ตาม ในช่วงโค้งแรกของปีบริษัทได้เดินหน้าต่อจิ๊กซอว์อีโคซิสเต็มให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ได้แก่ การเปิดสินค้าเฮ้าส์แบรนด์ "S-Gear" บุกตลาดเกมมิ่งและกลุ่มแอสเซสเซอรี่ เติมเต็มพอร์ตสินค้าไฮมาร์จิ้น และความคืบหน้าการจับมือกับพันธมิตร NADZ และ NGIN เริ่มเห็นภาพชัดเจน โดยเฉพาะ Nintendo ที่สามารถสร้างยอดขายได้ดี และมีแนวโน้มว่าจะดีกว่าที่คาดการณ์ไว้
สำหรับการเปิดร้าน NADZ by Synnex เป็นสาขาซินเนอร์ยี่แห่งแรกภายในครึ่งปีแรกนี้ ย้ำความพร้อมในการบุกตลาดเกมมิ่งครอบคลุมทั้งเกมพีซี เกมมิ่งเกียร์ และเกมคอนโซล ส่วนตลาดคอมเมอร์เชียล มองว่าจะสามารถเติบโตได้อย่างมีนัยสำคัญ จึงโฟกัสตลาดดังกล่าวต่อเนื่อง และนำสินค้าใหม่เข้ามาเสริมพอร์ต โดยในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมาบริษัทได้จับมือกับ Hikvision แบรนด์กล้องวงจรปิดอันดับ 1 เพื่อรุกตลาดซีเคียวริตี้เพิ่มเติม และยังมีแบรนด์ใหม่ๆ ที่จะประกาศเป็นพันธมิตรเพื่อขยายตลาดร่วมกันในปีนี้อีกมาก นักลงทุนรอจับตาอย่าให้พลาด
ด้านการทรานฟอร์มสู่ยุคดิจิทัลของบริษัทในปี 65 มั่นใจว่าจะเห็นการเติบโตได้อย่างชัดเจน และมีโอกาสลุ้นทำสถิติใหม่ จากจุดแข็ง การมีดีลเลอร์ในมือกว่า 6,000 แบรนด์ มีช่องทางการจำหน่ายและบริการหลังการขายครอบคลุมทั่วประเทศ ทำให้บริษัทได้รับความเชื่อมั่นจากลูกค้า และพันธมิตร รวมทั้ง แบรนด์เทคโนโลยีชั้นนำที่เข้ามาขยายตลาดในประเทศไทย สำหรับปีนี้วางเป้ารายได้เติบโตทะลุ 4 หมื่นล้านบาท
"เรามุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำไอทีอีโคซิสเต็ม ที่มีการเติบโตไปพร้อมกับความก้าวหน้าของเทคโนโลยี ตลอดจน การคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและสังคม สำหรับปีนี้เราเชื่อว่านักลงทุนจะได้เห็นภาพการต่อยอดธุรกิจของเราทั้งในแนวกว้าง และแนวลึก ได้อย่างชัดเจนมากขึ้น รวมถึงโปรเจกต์ใหม่ๆ ที่จะได้ติดตามกัน รับรองว่าจะต้องเซอร์ไพรส์กันทั้งปีอย่างแน่นอน" นางสาวสุธิดา กล่าว