นายธนพล ศิริธนชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) (FPT) กล่าวว่า ภาพรวมผลประกอบการไตรมาส 2 ของปี 64/65 (ม.ค.-มี.ค.65) เป็นระดับที่น่าพอใจ โดยสร้างรายได้รวมสุทธิ 3.41 พันล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 311 ล้านบาท โดยอัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้น 6.4% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ด้วยการปรับกลยุทธ์ของกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัย ภายใต้ เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮม ที่เน้นโครงการบ้านเดี่ยวมากขึ้น เพื่อขยายเซ็กเมนต์กลุ่มลูกค้ากำลังซื้อสูง ส่งผลให้ในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้ โครงการบ้านเดี่ยวเติบโตขึ้น 25% เมื่อเทียบกับปีก่อน
อีกทั้งบริษัทยังได้ปรับกลยุทธ์การปิดการขายและโอนบ้านให้อยู่ในระยะเวลา 3 เดือน จึงทำให้สามารถรับรู้รายได้เร็วขึ้น พร้อมทั้งช่วยลดความเสี่ยงด้านต้นทุนการก่อสร้าง พร้อมกับยังได้เดินหน้าการพัฒนาการออกแบบบ้านให้ตอบโจทย์ลูกค้ามากยิ่งขึ้น จึงทำให้โครงการบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮมได้รับการตอบรับที่ดีแม้ว่าการปฏิเสธสินเชื่อยังอยู่ในอัตราสูง
สำหรับแผนการเปิดโครงการในช่วงที่เหลือของปี 65 ระหว่างเม.ย.-ธ.ค. 65 บริษัทมีแผนการเปิดโครงการบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮม และโครงการต่างจังหวัด รวมทั้งสิ้น 19 โครงการ รวมมูลค่า 3 หมื่นล้านบาท
ขณะที่กลุ่มธุรกิจ เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ อินดัสเทรียล และกลุ่มธุรกิจ เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ คอมเมอร์เชียล ที่สร้างกระแสรายได้ที่สม่ำเสมอให้แก่บริษัทมีรายได้ที่ 571 ล้านบาทในไตร 2/64-65 (ม.ค.-มี.ค. 65) โดยธุรกิจโรงงานและคลังสินค้ายังมีอัตราการเช่ารวมสูงถึง 85.4% ซึ่งยังคงมีแนวโน้มความต้องการพื้นที่เช่าที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่องจากดีมานด์ของผู้เช่าที่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีการเติบโตสูง ได้แก่ กลุ่มโลจิสติกส์ ยานยนต์ และ อิเล็กทรอนิกส์
พร้อมได้รับอานิสงส์จากการชะลอการส่งออก ซึ่งเป็นผลกระทบจากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครนที่ยังคงยืดเยื้อ ส่งผลให้ภาวะราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น จึงมีดีมานด์ระยะสั้นจากผู้เช่าเพิ่มเติมเข้ามาในพอร์ตโฟลิโอมากขึ้น ซึ่งดีมานด์ระยะสั้นนี้คาดการณ์ว่าจะต่อเนื่องจนถึงสิ้นปี 65 และยังเดินหน้าพัฒนาโครงการตามแผนที่จะส่งมอบพื้นที่โรงงานและคลังสินค้ารวมทั้งสิ้นกว่า 150,000 ตารางเมตรภายในปีนี้
ด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อพาณิชยกรรมสามารถรักษาอัตราการเช่าได้ในระดับสูง โดยอาคารสำนักงานสามารถรักษาระดับผู้เช่าไว้ได้กว่า 90 และยังคงให้ความสำคัญกับกลยุทธ์การบริหารสัญญาเช่าอย่างยืดหยุ่น ร่วมกับการให้บริการอาคารสำนักงานเกรดเอคุณภาพสูงในย่านธุรกิจใจกลางเมือง โดยหนึ่งในโครงการมิกซ์ยูสชั้นนำ "สามย่านมิตรทาวน์" มีผู้เช่าและผู้ใช้บริการที่เพิ่มมากขึ้นด้วยการปรับตัวของประชาชนที่คลายความกังวลมากขึ้น
ส่วนของโครงการมิกซ์ยูสที่น่าจับตาแห่งใหม่ "สีลมเอจ" ยังคงคืบหน้าตามแผน เสร็จสิ้นแล้วกว่า 80% และเตรียมเริ่มเปิดให้บริการในเดือนก.ย. 65 ปัจจุบันมีผู้เช่าสำนักงานให้การตอบรับจองพื้นที่แล้วถึง 60% หรือ 6,000 ตารางเมตร และมีผู้เช่ารีเทลปิดดีลจองแล้วกว่า 30% ของพื้นที่ทั้งหมด โดยบริษัทจะเริ่มรับรู้รายได้ในช่วงไตรมาส 3/65