บมจ.ทเวนตี้ โฟร์ คอน แอนด์ ซัพพลาย (24) ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวน (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 130 ล้านหุ้น คิดเป็น 30.23% ของจำนวนหุ้นสามัญที่จำหน่ายแล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท โดยมี บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
บริษัทมีวัตถุประสงค์ในการนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหลักทรัพย์ในครั้งนี้ เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนและการดำเนินการอื่นใดเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อกิจการภายในปี 65-66
24 ประกอบธุรกิจเป็นผู้นำเข้าและตัวแทนจัดจำหน่ายอุปกรณ์ประเภทปรับอากาศและระบายอากาศ แบรนด์ชั้นนำมาตรฐานสากลยี่ห้อ TROX และเป็นผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ประเภทอุปกรณ์ปรับอากาศและระบายอากาศแบรนด์ชั้นนำมาตรฐานสากลหลายราย อาทิ TRANE, AAF, KRUGER HONEYWELL เป็นต้น นอกจากนี้ บริษัทยังเป็นผู้ให้บริการรับเหมาติดตั้งระบบวิศวกรรมประกอบอาคาร และงานรับเหมาก่อสร้างเพื่อสามารถให้การบริการแก่ลูกค้าได้อย่างครบวงจรมากขึ้น
ฐานลูกค้าส่วนใหญ่ของบริษัทจะเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างหลัก (Main contractor) ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบงานก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ อาทิเช่น งานระบบรถไฟฟ้า สิ่งปลูกสร้างบริเวณท่าอากาศยาน โรงไฟฟ้า รวมถึง สถานีไฟฟ้า อาคารสำนักงาน เป็นต้น
ในปี 64 บริษัทชนะประมูลโครงการขนาดใหญ่ที่สำคัญ 3 โครงการ ได้แก่ โครงการก่อศูนย์ราชการ โซนซี มูลค่า 430.00 ล้านบาท, โครงการ JLK TOWER Sukhumvit มูลค่า 280.00 ล้านบาท, โครงการ PLEXUS-NMC EMS Plant มูลค่า 143.00 ล้านบาท โครงการสถานีไฟฟ้ารัตนบุรี มูลค่า 130.07 ล้านบาท และโครงการ Central World - Air conditioner มูลค่า 62.04 ล้านบาท
ขณะที่บริษัทมีโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้างและรับรู้รายได้ในปี 64 จำนวน 17 โครงการ สูงกว่าปี 63 ที่มี 10 โครงการ โดยในปี 64 มีโครงการก่อสร้างที่สำคัญ ได้แก่ โครงการก่อศูนย์ราชการ โซนซี, โครงการ JLK TOWER Sukhumvit, โครงการ PLEXUS-NMC EMS Plant, โครงการก่อสร้างสถานีไฟฟ้ารัตนบุรี, โครงการ Central World - Air conditioner ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโครงการใหม่ที่เริ่มเซ็นสัญญาก่อสร้างในปี 64
บริษัทมีงานค้างรับ (Backlog) ที่มีรายได้ต่อเนื่องจากปี 63 ได้แก่ โครงการ MRT - Park & Ride Pink Line เป็นปัจจัยสำคัญ
ปัจจุบัน บริษัทมีทุนจดทะเบียน 215,000,000 บาท เป็นทุนเรียกชำระแล้ว 150,000,000 บาท คิดเป็นจำนวนหุ้น 300,000,000 หุ้น โครงสร้างผู้ถือหุ้น ประกอบด้วย นายยศวีย์ วัฒนธีระกิจจา ถือหุ้น 105,000,000 หุ้น คิดเป็น 35% ภายหลังเสนอขายหุ้น IPO จะลดสัดส่วนลงเหลือ 24.42% นายสันติ มณีวงศ์ ถือหุ้น 105,000,000 หุ้น คิดเป็น 35% จะลดเหลือ 24.42% นายธวัชชัย จิรวัฒนอังคณา ถือหุ้น 30,000,000 หุ้น คิดเป็น 10% จะลดเหลือ 6.98% นางประไพ วงศ์มาเกษ ถือหุ้น 30,000,000 หุ้น คิดเป็น 10% จะลดเหลือ 6.98% และ นายพูลสวัสดิ์ ศรีภัทรานุสรณ์ ถือหุ้น 30,000,000 หุ้นคิดเป็น 10% จะลดเหลือ 6.98%
ผลประกอบการในช่วงปี 62-64 บริษัทมีรายได้รวม 368.15 ล้านบาท, 402.16 ล้านบาท และ 642.11 ล้านบาท ตามลำดับ รายได้จากงานก่อสร้างและงานบริการ 112.99 ล้านบาท, 156.85 ล้านบาท และ 396.26 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนรายได้จากการจำหน่ายวัสดุและอุปกรณ์ 248.54 ล้านบาท, 244.59 ล้านบาท และ 245.21 ล้านบาท ตามลำดับ รายได้อื่น 6.62 ล้านบาท, 0.72 ล้านบาท และ 0.64 ล้านบาทตามลำดับ
ขณะที่กำไรสุทธิในปี 62-64 จำนวน 33.01 ล้านบาท, 6.94 ล้านบาท และ 19.46 ล้านบาท ตามลำดับ หรือคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 8.97%, 1.73% และ 3.03% ของรายได้รวมในแต่ละปี ตามลำดับ
กำไรสุทธิและอัตรากำไรสุทธิในปี 63 ที่ลดลงเมื่อเทียบกับปี 62 มีสาเหตุสำคัญมาจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ทำให้อุตสาหกรรมก่อสร้างชะลอตัวลงและทำให้บริษัทลดอัตรากำไรขั้นต้นจากการขายสินค้าลงเพื่อรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นหลัก ในขณะที่ปี 64 กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจากปี 63 เนื่องจากรายได้ของธุรกิจรับเหมาก่อสร้างที่ขยายตัวขึ้นจากการขยายฐานทุนจดทะเบียนเพื่อประมูลงาน
ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล สำหรับงบการเงินเฉพาะกิจการและหลังหักเงินสำรองต่างๆ ทุกประเภทตามที่กฎหมายและบริษัทได้กำหนดไว้
ณ สิ้นปี 64 มีสินทรัพย์รวม 411.92 ล้านบาท หนี้สินรวม 274.94 ล้านบาท ส่วนของผู้ถือหุ้น 316.98 ล้านบาท