ตลาดหุ้นไทยต้นภาคเช้ายังคงร่วงลงกว่า 10 จุดหลังไหลลงหลุด 1,600 จุด ตอบรับปัจจัยลบจากต่างประเทศเป็นหลัก โดยเฉพาะทิศทางการดำเนินนโยบายที่เข้มงวดขึ้นของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ท่ามกลางแรงกดดันจากอัตราเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้นมากจากผลกระทบสถานการณ์สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ยังคงยืดเยื้อ รวมถึงกังวลการล็อกดาวน์ของจีนเพื่อสกัดโควิดจะส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจ
เมื่อเวลา 10.16 น. ดัชนี SET มาอยู่ที่ 1,594.07 จุด ลดลง 10.42 จุด (-0.65%)
ล่าสุด เมื่อเวลา 10.41 น.ดัชนี SET มาอยู่ที่ 1,595.91 จุด ลดลง 8.58 จุด (-0.53%)
นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยช่วงเช้าลดลงกว่า 10 จุดหลุดแนวรับสำคัญที่ 1,600 จุด โดยได้รับแรงกดดันจากหลายปัจจัย คือ การเร่งใช้นโยบายทางการเงินที่เข้มงวดของเฟด ซึ่งนักลงทุนอยู่ระหว่างรอติดตามการประกาศตัวเลขอัตราเงินเฟ้อเดือน เม.ย. ของสหรัฐในวันที่ 11 พ.ค.นี้ว่าจะอยู่ในระดับ 8.1% ตามที่ตลาดคาดการณ์หรือไม่ หากออกมาต่ำกว่านี้ก็จะช่วยหนุนให้ดัชนีฟื้นตัวได้ แต่หากสูงกว่าคาด และ สูงกว่าเดือน มี.ค. ที่ 8.5% ก็จะกลายเป็นปัจจัยหนุนให้เฟดขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากถึง 0.75% ได้
นอกจากนี้ยังมีความกังวลเกียวกับการใช้มาตรการปิดเมือง (ล็อกดาวน์) เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ของจีน อาจจะทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวลง เป็นปัจจัยฉุดราคาน้ำมันให้ปรับตัวลดลงราว 6% ในวันนี้ ส่งผลให้มีแรงขายทำกำไรในกลุ่มหุ้นพลังงานออกมาในตลาดบ้านเรา
ทั้งนี้ มองว่าภาพรวมดัชนียังอยู่ในทิศทาง Sideway ซึมลงต่อ โดยให้แนวรับไว้ที่ 1,580-1,590 จุด และแนวต้าน 1,605-1,610 จุด