นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก (GBS) ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับ Sideway Down คาดการณ์การเคลื่อนไหวของดัชนีในกรอบ 1,560-1,620 จุด
ปัจจัยลบยังรุมเร้าจากความวิตกกังวลการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เพื่อสกัดเงินเฟ้อและสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครนที่ยังยืดเยื้อ ประกอบกับนักลงทุนยังติดตามตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐเดือน เม.ย.ในวันที่ 11 พ.ค.นี้ แม้ว่าอัตราการว่างงานของสหรัฐทรงตัวที่ 3.6% สูงกว่าคาดการณ์ที่ 3.5% และตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงานเพิ่มขึ้น 0.3% ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 0.4%
ส่วนจีนมีการรายงานยอดส่งออกเพิ่มขึ้นเพียง 3.9%YoY ในเดือนเม.ย. โดยขยายตัวในอัตราต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน มิ.ย.63 และชะลอตัวลงอย่างมากจากเดือน มี.ค.ที่ขยายตัว 14.7% เป็นผลกระทบจากการใช้มาตรการล็อกดาวน์เมืองสำคัญ
ปัจจัยที่ยังคงต้องจับตาต่อเนื่อง อาทิ การประชุมคณะกรรมการร่วม 3 สถาบันภาคเอกชน (กกร.), สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม, การประกาศงบไตรมาส 1/65 วันสุดท้าย (17 พ.ค.), การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งที่ 3/2565 (18 พ.ค.), กระทรวงพาณิชย์แถลงตัวเลขการส่งออก-นำเข้า
ส่วนปัจจัยต่างประเทศ จีนรายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และ ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนเม.ย., สหรัฐ รายงานอัตราเงินเฟ้อเดือน เม.ย. และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ รวมทั้งรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนเม.ย.
ดังนั้น แนะนำกลยุทธ์ลงทุนในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทอ่อนและตัวเลขส่งออกเดือนเมษายนออกมาดี ได้แก่ TWPC, ASIAN, XO, SNC, SKN, PIMO และ SMT
ส่วนทิศทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล. โกลเบล็ก กล่าวว่า แนวโน้มราคาทองคำยังเจอแรงกดดันจากตลาดกลับมากังวลว่าเฟดจะควบคุมตัวเลขเงินเฟ้อที่ปรับขึ้นได้จนต้องใช้ยาแรงด้วยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.75% ในการประชุมเดือน มิ.ย. ความกังวลดังกล่าวนี้หนุนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสามารถทะลุแนวต้านที่ระดับ 3.0% ได้ ดัชนีดอลลาร์รีบาวด์กลับบริเวณ 103.55 ทองคำถูกกดดันอีกครั้งหลุดแนวรับบริเวณ 1,875 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ ส่วน SPDR เริ่มต้นเดือนนี้ไม่ดีนักมีการเทขายออกมาแล้ว 9.57 ตัน
ในสัปดาห์นี้ต้องจับตาดูเงินเฟ้อสหรัฐอย่างใกล้ชิด ถึงแม้จะมีแนวโน้มที่อ่อนตัวลงสะท้อนผ่านราคาน้ำมันดิบเดือน เม.ย.ที่แกว่งตัวต่ำกว่าเดือน มี.ค.มาเหลือ 105 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ขณะที่เงินเฟ้อเดือน เม.ย.ถูกคาดการณ์ไว้ที่ 8.1% หากตัวเลขจริงออกมามากกว่าอาจเป็นแรงหนุนทองคำในระยะสั้นได้ แต่หากตัวเลขจริงออกมาน้อยกว่าคาดการณ์อาจเป็นปัจจัยกดดันราคาทองคำในระยะถัดไป
ดังนั้น ฝ่ายวิจัยประเมินว่าโมเมนตัมทองคำเริ่มถูกกดดันอีกครั้งด้วยนโยบายการเงินที่เข้มงวดที่ทั้งตลาดเริ่มกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่สภาวะถดถอย มุมมองทองคำเป็นลบ กรอบการซื้อขาย 1,850-1,920 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ หากราคาทองคำไม่สามารถผ่านแนวต้านที่ 1,920 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ ให้ทยอยเทขายทำกำไร