บมจ.บางจากไบโอฟูเอล (BBGI) บมจ.เอสซีจี เคมิคอลส์ (SCGC) และ บมจ.คิวทีซี เอนเนอร์ยี่ (OTC) ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจโครงการพัฒนาและผลิตน้ำมันหม้อแปลงไฟฟ้าชีวภาพ (Bio Transformer Oil) เพื่อทดลองผลิตครั้งแรกของประเทศไทย ก่อนต่อยอดสู่เชิงพาณิชย์ สอดรับนโยบายภาครัฐหนุนสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผลิตภัณฑ์สินค้าทางการเกษตร
นายกิตติพงศ์ ลิ่มสุวรรณโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ BBGI เปิดเผยว่า บริษัทมีความมุ่งมั่นเป็นผู้สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ชีวภาพมูลค่าสูงที่ส่งเสริมสุขภาพ (High value bio-based product) ในประเทศไทย โดยใช้วัตถุดิบจากผลผลิตทางการเกษตรมาสร้างมูลค่าเพิ่มในเชิงเศรษฐกิจและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วยนวัตกรรมสีเขียว
โครงการพัฒนาและผลิตน้ำมันหม้อแปลงไฟฟ้าชีวภาพ หรือ Bio Transformer Oil เป็นความร่วมมือระหว่าง บริษัท บางจากไบโอฟูเอล จำกัด หรือ BBF บริษัทในกลุ่ม BBGI กับพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อพัฒนาและผลิตน้ำมันหม้อแปลงไฟฟ้าชีวภาพในเชิงพาณิชย์ โดยใช้น้ำมันปาล์มและผลิตภัณฑ์พลอยได้เป็นวัตถุดิบ
โครงการนี้จะช่วยเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์และสร้างผลิตภัณฑ์โอลีโอเคมีคัลส์มูลค่าเพิ่มต่อยอดจากธุรกิจไบโอดีเซล และกลีเซอรีนบริสุทธิ์ของ BBF อีกทั้งการดำเนินโครงการดังกล่าวยังสอดคล้องนโยบายเศรษฐกิจ BCG (Bio-Circular-Green Economy) ของภาครัฐ และมาตรการสนับสนุนผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากปาล์มน้ำมัน ของคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) อีกด้วย
นายสุรชา อุดมศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานนวัตกรรม และรองผู้จัดการใหญ่ New Business ของ SCGC กล่าวเสริมถึงความร่วมมือครั้งนี้ว่า SCGC ได้มุ่งสร้างสรรค์นวัตกรรมและโซลูชันเพื่อตอบโจทย์ความยั่งยืน โดยเฉพาะด้านการดูแลสิ่งแวดล้อม ซึ่งทุกวันนี้ทั่วโลกกำลังเผชิญกับภาวะฉุกเฉินด้านภูมิอากาศ หรือ Climate Emergency ที่ส่งผลอย่างยิ่งกับทุกชีวิต
โดยโครงการนี้ถือเป็นหนึ่งในตัวอย่างการทำงานแบบ Open Innovation หรือการวิจัยและพัฒนาเพื่อประโยชน์ทางพาณิชย์ ของ SCGC ที่นำองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญด้านตัวเร่งปฏิกิริยาเคมี หรือ Catalyst ของ SCGC มาใช้ในการผลิตน้ำมันหม้อแปลงไฟฟ้าชีวภาพจากปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์ม ประยุกต์เข้ากับกระบวนการผลิตของบางจากไบโอฟูเอล และนำไปสู่การทดลองใช้งานจริงร่วมกับหม้อแปลงไฟฟ้าของบริษัท QTC
และความร่วมมือครั้งนี้จะเป็นก้าวที่สำคัญต่อธุรกิจพลังงานชีวภาพเพราะเป็นครั้งแรกที่สามารถผลิตน้ำมันหม้อแปลงไฟฟ้าชีวภาพ หรือ Bio-transformer oil ได้เองในประเทศ ประกอบกับคุณสมบัติของน้ำมันหม้อแปลงไฟฟ้าชีวภาพนี้ สามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ (biodegradable) ซึ่งจะไม่ก่อให้เกิดมลพิษทางดินด้วย
นายพูลพิพัฒน์ ตันธนสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร QTC กล่าวเพิ่มเติมว่า การร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการพัฒนาด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นในการศึกษา และคิดค้นพัฒนาน้ำมันหม้อแปลงไฟฟ้าชีวภาพ ซึ่งในปัจจุบันมีการใช้น้ำมันหม้อแปลงไฟฟ้าชีวภาพเพิ่มมากขึ้น ทั้งตลาดในประเทศและตลาดต่างประเทศ เนื่องจากมีคุณสมบัติที่ทนแรงดันไฟฟ้าได้สูง (Dielectric Breakdown Voltage) จุดวาบไฟ (Flash Point) จุดติดไฟ (Fire Point) มีค่าสูง ทำให้มีความปลอดภัยอีกทั้งยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ช่วยประหยัดต้นทุนการผลิตหม้อแปลงของผู้ประกอบการ อันเนื่องมาจากภาษีนำเข้าและค่าขนส่ง ตลอดจนเป็นการกระจายรายได้สู่ชุมชนจากการนำปาล์มน้ำมันมาผลิตน้ำมันหม้อแปลงไฟฟ้าชีวภาพเพื่อใช้กับหม้อแปลงไฟฟ้าต่อไป
สำหรับตลาดผลิตภัณฑ์น้ำมันหม้อแปลงไฟฟ้าชีวภาพในประเทศไทยมีโอกาสขยายตัวได้อีกมาก จากปัจจุบันที่มีปริมาณการใช้งานอยู่ประมาณ 3 ล้านลิตร ของปริมาณการใช้น้ำมันหม้อแปลงไฟฟ้าทั้งหมด 33 ล้านลิตรต่อปี หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 1,200 ล้านบาท โดยมีปัจจัยมาจากมาตรการส่งเสริมของ กนป.ที่ต้องการกระตุ้นปริมาณความต้องการใช้น้ำมันหม้อแปลงไฟฟ้าชีวภาพในประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญและลดการนำเข้าจากต่างประเทศ จึงเป็นโอกาสทางธุรกิจของโครงการความร่วมมือครั้งนี้เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้ผลผลิตทางการเกษตรของไทยอย่างยั่งยืน