บมจ.จุฑานาวี(JUTHA) เดินหน้าขยายธุรกิจใหม่รับบริหารจัดการเรือจากที่รับงานไปแล้ว 1 ลำ และอยู่ระหว่างเจรจารับบริหารเพิ่มอีก 3 ลำ ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยเสริมรายได้ของบริษัทเป็นอย่างดี โดยเฉพาะในปีนี้จะไม่มีรายได้พิเศษจากการขายเรือ ซึ่งจะทำให้รายได้โดยรวมและกำไรอาจจะสูงไม่เท่ากับปี 50 รวมทั้งแนวโน้มค่าระวางเรือยังมีความผันผวน
นายชเนศร์ เพ็ญชาติ กรรมการผู้จัดการ JUTHA เปิดเผยว่า รายได้รวมและกำไรสุทธิในปีนี้อาจจะปรับลดลงเมื่อเทียบกับปี 50 เนื่องจากไม่มีรายได้และกำไรพิเศษจากการขายเรือเหมือนปีก่อน
อนึ่ง ในปี 50 บริษัทมีรายได้รวม 688.11 ล้านบาท ซึ่งแบ่งเป็นรายได้จากการขายเรือ 98.94 ล้านบาท ขณะที่มีกำไรสุทธิในปีที่แล้ว 193.63 ล้านบาท เป็นกำไรพิเศษจากการขายเรือประมาณ 70 ล้านบาท
แต่หากพิจารณาถึงในแง่ของรายได้และกำไรจากการดำเนินงานในปีนี้น่าจะสูงกว่าปีก่อนที่มีรายได้จากการดำเนินงานปกติ 589.17 ล้านบาท โดยในปีนี้คาดว่ารายได้จะเพิ่มขึ้นเป็น 620 ล้านบาท เนื่องจากมีจำนวนวันในการเดินเรือมากกว่าปีก่อนที่ปีก่อนมีการนำเรือเข้าอู่จำนวน 5 ลำ เทียบกับปีนี้ที่มีการส่งเรือเข้าอู่ในเดือนม.ค.เพียง 1 ลำเท่านั้น
นายชเนศร์ กล่าวว่า จากปัจจัยดังกล่าว รวมทั้งแนวโน้มความผันผวนของอัตราค่าระวางเรือในอนาคตทำให้บริษัทหันมามองธุรกิจเพิ่มในการรับจ้างบริหารเรือ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาในการเข้าไปบริหารเรือเพิ่มจำนวน 3 ลำ ซึ่งจะได้ข้อสรุปภายในครึ่งแรกของปีนี้ จากปัจจุบันที่เข้าไปรับจ้างบริหารแล้ว 1 ลำ ได้รับค่าจ้างในการบริหารเรือ 5-6 ล้านบาท/ลำ/ปี ช่วยเพิ่มรายได้และยังลดความเสี่ยงจากจำนวนเรือที่ลดลงถึงแม้ผลตอบแทนที่ได้จากการรับจ้างบริหารจะน้อยกว่าให้เช่า
นอกจากนั้น บริษัทยังปรับสัญญาการเช่าเรือให้เป็นระยะยาวขึ้นเป็น 2 ปีในอัตราค่าเช่าที่พอมีกำไร หลังจากที่ดัชนีค่าระวางเรือมีความผันผวนอย่างมากต่อเนื่องจากช่วงปลายปีก่อนเป็นต้นมา จากเดิมที่ให้เช่าสัญญาหลากกลายทั้งระยะสั้น กลาง และยาว ซึ่งระยะสั้นที่สุดคือ 6 เดือน ทั้งนี้เพื่อให้บริษัทมีรายได้คงที่ในช่วง 2 ปี
"จากที่เห็นความผันแปรของค่า BDI ในช่วงปลายปีที่รุนแรงและต่อเนื่องมา จึงล็อกให้เรือ 5 ลำเป็นระยะยาว 2 ปี เพื่อให้มีรายได้ที่แน่นอนไปถึง 2 ปี จากเดิมที่จะมีเรือที่มีอายุระยะสั้น กลาง และยาว" นายชเนศร์ กล่าว
แม้ว่าอัตราค่าระวางเรือในปีนี้มีแนวโน้มจะปรับตัวเพิ่มขึ้น 5-10% จากเดิมที่คาดว่าอัตราค่าระวางเรือเฉลี่ยจะอยู่ที่ 8,000 เหรียญสหรัฐ/ลำ/วัน ซึ่งอาจทำให้บริษัทเสียโอกาสในการทำกำไรไปบ้างเนื่องจากมีการทำสัญญาให้เช่าเรือในระยะเวลา 2 ปี แต่ก็ทำให้มีรายได้ที่แน่นอนในปีนี้และปีหน้า รวมทั้งไม่ต้องรับความเสี่ยงจากค่าระวางเรือที่ผันผวนในอนาคต
"ดัชนีค่าระวางเรือ (BDI) ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาปรับลง 50% จาก 10,000 เหลือ 5,000 ซึ่งความผันผวนมีอยู่การที่ fix ระยะเวลาเช่าเรือที่ 2 ปี จะช่วยเราได้"นายชเนศร์ กล่าว
ส่วนการหาเรือใหม่บริษัทยังคงมองโอกาสที่จะหาเรือเพิ่มเพื่อรองรับความต้องการของตลาด ถึงแม้จะได้รับเรือใหม่ที่สั่งต่อในกลางปี 52 แต่ยังไม่มีแผนสั่งซื้อเรือใหม่ในขณะนี้ เพราะจะต้องเพิ่มความรอบคอบมากขึ้น เนื่องจากปัจจุบันราคาเรือได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 200% และหากซื้อเรือที่ไม่เหมาะสมก็อาจจะทำให้ไม่คุ้ม
"การซื้อเรือใหม่คงจะต้องดูอย่างรอบคอบ แต่ตอนนี้ยังหาเรือทีเหมาะสมไม่ได้และยากลำบากเพราะราคาเรือได้วิ่งไปสูงมาก" นายชเนศร์ กล่าว
--อินโฟเควสท์ โดย จริญยา ดำสมาน/จำเนียร/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--