นางสาวปฐมา พรประภา กรรมการผู้จัดการ บมจ.ฐิติกร (TK) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทอนุมัติงบการเงินสำหรับรอบบัญชีสิ้นสุดไตรมาส 1/65 โดยรายได้รวมเท่ากับ 493.3 ล้านบาท ลดลง 8.4% จาก 538.7 ล้านบาทในไตรมาส 1/64 กำไรสุทธิรวม 135.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38.6% จาก 97.5 ล้านบาท นับเป็นกำไรสูงที่สุดในรอบ 35 ไตรมาส หรือ ในรอบ 8 ปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ รายได้อื่น ๆ มีจำนวน 140.7 ล้านบาท ลดลง 7.3% จาก 151.7 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลมาจากบริหารจัดการติดตามลูกหนี้ให้ชำระค่างวดอย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งการอนุมัติสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ในประเทศที่เพิ่มขึ้นในไตรมาส 4/64 ต่อเนื่องมาถึงไตรมาส 1/65 และการเติบโตของพอร์ตในต่างประเทศ โดยเฉพาะในกัมพูชาและ สปป.ลาว ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง
ภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศในปี 65 นี้มีอัตราการเติบโตสูงกว่าปีที่ผ่านมา โดยคาดว่าเศรษฐกิจจะสามารถขยายตัวได้ 3.3-4.1% สะท้อนผลประกอบการของ TK ในไตรมาส 1/65 ที่สามารถอนุมัติสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ในประเทศได้เพิ่มมากขึ้น
นอกจากนี้ TK มองเห็นปัจจัยบวกกับเศรษฐกิจของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการส่งออกที่คาดการณ์ว่าจะมีอัตราการขยายตัว 5% จากปีที่ผ่านมา โดยมีมูลค่าการส่งออก 2.4 ล้านล้านบาทในช่วงไตรมาส 1/65 เติบโต 8.7% อีกทั้งการท่องเที่ยวคาดว่าจะเริ่มฟื้นตัว และทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์ว่าในปี 65 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติสูงถึง 5-15 ล้านคน และนักท่องเที่ยวไทย 160 ล้านคน ส่งผลให้มีรายได้จากการท่องเที่ยวสูงถึง 1.2 ล้านล้านบาท ซึ่งการขยายตัวของเศรษฐกิจจะมีผลต่อการขยายธุรกิจและคุณภาพลูกหนี้เช่าซื้อของกลุ่มธุรกิจ TK ไปในทิศทางเดียวกัน
"อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าจะมองเห็นสัญญาณดีต่าง ๆ ที่ส่งเสริมเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศ เรายังคงต้องเตรียมพร้อมและติดตามปัจจัยภายนอกอื่น ๆ ที่อาจปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นการระบาดของไวรัสโควิด-19 สงครามที่ยังยืดเยื้อและมีผลกระทบกับราคาพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนค่าครองชีพในประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสะท้อนผ่านอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นถึงระดับ 5.73% ในเดือน มี.ค.65 นับเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 12 ปี โดย TK จะขยายพอร์ตด้วยนโนบายการให้สินเชื่ออย่างระมัดระวัง เพื่อการเติบโตของธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยตั้งเป้าเติบโตรวม 40% ในปีนี้" นางสาวปฐมากล่าว
ทางด้าน นายประพล พรประภา กรรมการและรองผู้จัดการ TK กล่าวเพิ่มเติมว่า สภาวะตลาดรวมในประเทศ ยอดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ ไตรมาส 1/65 จำนวน 449,739 คัน เพิ่มขึ้น 3.1% จาก 436,215 คัน จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา หลังจากที่มียอดจำหน่ายลดลง 3 ปีต่อเนื่อง และเริ่มมียอดจำหน่ายเพิ่มขึ้นในปีก่อน ส่วนยอดจำหน่ายรถยนต์ ไตรมาส 1/65 จำนวน 231,189 คัน เพิ่มขึ้น 19.1% จาก 194,137 คัน จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา หลังจากที่มียอดจำหน่ายลดลง 3 ปีต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ณ ไตรมาส 1/65 TK มีจำนวนลูกหนี้เช่าซื้อและลูกหนี้เงินให้กู้ยืมสุทธิรวม 4,144.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.9% จาก 3,949.4 ล้านบาท เมื่อเทียบกับสิ้นปี 64 จากนโยบายการเร่งขยายตัวเพื่อเพิ่มยอดขายสูงขึ้น อีกทั้งลูกหนี้เช่าซื้อในประเทศเริ่มกลับมาขยายตัวติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 2 นับตั้งแต่ไตรมาส 4/64
ณ ไตรมาส 1/65 มีสำรองจำนวน 324.9 ล้านบาท คุณภาพลูกหนี้ปรับตัวดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยลูกหนี้ค้างชำระเกิน 3 เดือน ที่ 6.1% และมี Coverage Ratio ที่ 118.2% ซึ่งเปรียบเทียบกับ ณ สิ้นปี 64 ที่มีสำรองลูกหนี้ จำนวน 371.6 ล้านบาท ลูกหนี้ค้างชำระเกิน 3 เดือน ที่ 7.1% และมี Coverage Ratio ที่ 120.5%
บริษัทมีสินทรัพย์รวม 7,093 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.6% จาก 6,979 ล้านบาท เมื่อเทียบกับสิ้นปี 64 และมีหนี้สินรวม 1,307.7 ล้านบาท ลดลง 1.1% จาก 1,322 ล้านบาท เมื่อเทียบกับสิ้นปี 64 ทั้งนี้ D/E ณ ไตรมาส 1/65 ต่ำสุด 0.23 เท่า
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจของ TK ในระยะต่อไป TK มีความพร้อมในการขยายธุรกิจ โดยมีเงินสดสูงสุดถึง 2,495 ล้านบาท ซึ่งเพียงพอต่อการขยายธุรกิจได้อย่างน้อยอีก 12 เดือนจากนี้ ซึ่งตามแผนในปี 65 ตั้งเป้าที่จะเติบโต 40% จากธุรกิจเดิมทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งจากธุรกิจใหม่ที่ได้รับใบอนุญาตเพิ่มเติม