นายสมเจตน์ หมู่ศิริเลิศ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ทุนธนชาต (TCAP) กล่าวว่า ในไตรมาส 1/65 บริษัทฯและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิตามงบการเงินรวมจำนวน 1,390 ล้านบาท โดยเป็นกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทฯ มีจำนวน 1,036 ล้านบาท ลดลง 3.90% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน สาเหตุที่กำไรปรับลดลงเกิดจากค่านายหน้าจากธุรกิจหลักทรัพย์ และกำไรสุทธิจากเครื่องมือทางการเงินปรับลดลง ประกอบกับบริษัทย่อยมีการตั้งสำรองพิเศษ (Management Overlay) เพิ่มเติมเพื่อรองรับความเสี่ยงด้านเครดิตที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต อย่างไรก็ดี บริษัทย่อยที่ประกอบธุรกิจหลัก ทั้ง ราชธานีลิสซิ่ง (THANI) ธนชาตประกันภัย (TNI) หลักทรัพย์ธนชาต (TNS) เอ็มบีเค ไลฟ์ ประกันชีวิต (MBK Life) รวมถึง ธนชาตพลัส (T-Plus) มีผลการดำเนินงานอยู่ในระดับที่น่าพอใจและเติบโตขึ้นเป็นลำดับ
THANI มีสินเชื่อเช่าซื้อเติบโตขึ้น 2.39% จากสิ้นปี 64 โดยมียอดสินเชื่อคงค้างแตะระดับ 50,000 ล้านบาท NPL ปรับตัวลดลงต่ำกว่า 3% ในขณะที่ TNI มีเบี้ยประกันภัยรับรวมในไตรมาส 1/65 จำนวน 2,451 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมาย
ส่วน TNS มีมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์เฉลี่ยต่อวันในไตรมาส 1/65 เท่ากับ 3,259 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.38% จากไตรมาสก่อน และมีรายได้ดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์เพิ่มขึ้นจากปริมาณ Margin Loans ที่เพิ่มสูงขึ้น
สำหรับ MBK Life มียอดขายประกันชีวิตเติบโตได้ตามเป้าหมาย และ T-Plus ตั้งเป้าที่จะปล่อยสินเชื่อที่มีหลักประกัน ได้ประมาณ 3,000 ล้านบาท และมียอดสินเชื่อคงค้างประมาณ 4,000 ล้านบาท ซึ่ง ณ สิ้นไตรมาส 1 ที่ผ่านมามีสินเชื่อคงค้างอยู่ที่ประมาณ 2,400 ล้านบาท และ NPL ยังคงเป็นศูนย์ จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ที่มีทิศทางดีขึ้น ประกอบกับภาครัฐมีนโยบายผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ มากยิ่งขึ้นจะช่วยส่งเสริมให้ผลการดำเนินงานของบริษัทย่อยที่สำคัญเติบโตขึ้นได้อย่างต่อเนื่องต่อไป