MTC คาดพอร์สินเชื่อ Q2/65 แตะ 1 แสนลบ.จากขยายสาขาต่อเนื่อง,ทั้งปีคุม NPL ไม่เกิน 2%

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday May 11, 2022 16:43 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายปริทัศน์ เพชรอำไพ รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.เมืองไทย แคปปิตอล (MTC) เปิดเผยว่า บริษัทคาดพอร์สินเชื่อ (Loan Receivables) ในไตรมาส 2/65 จะเติบโตทะลุ 100,000 ล้านบาท จากไตรมาสแรกทำได้แล้ว 98,612 ล้านบาท

ทั้งนี้ ไตรมาส 1 ที่ผ่านมาเป็นช่วงเริ่มต้นทำธุรกิจของปี และไตรมาส 2 ส่วนใหญ่ก็จะเติบโตดีกว่าไตรมาส 1 ขณะที่ไตรมาส 3 ก็จะดีต่อเนื่อง แต่ไตรมาส 4 จะเติบโตมากที่สุดกว่าทุกไตรมาส ตามการขยายสาขาอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี โดยวางเป้าหมายไว้ที่ 6,500 สาขาในสิ้นปีนี้ และ 7,200 สาขาในปี 66 จากไตรมาส 1/65 มีสาขาอยู่ที่ 6,161 สาขา

ขณะที่ในช่วงต้นปีบริษัทได้อัพเกรดแอปพลิเคชั่น เมืองไทย แคปปิตอล เป็นเวอร์ชั่น 2 ซึ่งก็ได้รับการตอบที่ดี โดยมีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก อีกทั้งยังได้ประโยชน์จากการเปิดประเทศด้วย

"แนวโน้มไตรมาส 2/65 น่าจะ Follow ไตรมาส 1/65 ซึ่งโดยทั่วไปไตรมาส 1 จะ peak อยู่แล้ว ไตรมาส 2 ก็จะ peak up ไตรมาส 3 ก็ peak up ดีขึ้น และไตรมาส 4 ก็จะสูงกว่าไตรมาส 3 เล็กน้อย และเท่าที่เราเห็นไตรมาส 2/65 ก็ดีกว่าไตรมาส 1/65 แล้ว และมั่นใจว่าทั้งปีจะเป็นที่น่าพึงพอใจให้กับนักลงทุน และสามารถขยายฐานลูกค้าได้ค่อนข้างเยอะด้วย" นายปริทัศน์ กล่าว

พร้อมกันนี้บริษัทยังยืนยันว่าจะสามารถควบคุมหนี้เสีย (NPL) ไม่ให้เกิน 2% จากไตรมาส 1/65 อยู่ที่ 1.65% โดยจะเร่งตรวจสอบข้อบกพร่องกระบวนการปล่อยสินเชื่อว่ามีข้อบกพร่องอย่างไร เพื่อสกัดตั้งแต่ต้นทาง ส่วนการผิดรับชำระจนเป็น NPL ก็จะต้องดูว่าเกิดมาจากปัจจัยใด ซึ่งก็จะต้องมีการเจรจากับลูกหนี้ และหากใช้ทรัพย์สินเป็นหลักประกันก็จะมีการนำหลักประกันมาขายเพื่อชำระหนี้ รวมถึงบริษัทจะเสนอขายหนี้บางส่วนให้กับบริษัทจัดการหนี้ภายนอก ซึ่งจะพิจารณาแนวทางให้เหมาะสม

ส่วนอัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มสูงขึ้น มองว่าปัจจุบันต้นทุนทางการเงิน (funding cost) ของบริษัทฯ ในไตรมาส 1/65 ปรับตัวลดลง แต่คาดครึ่งปีหลังนี้จะเริ่มปรับตัวขึ้น จากวงเงินกู้ใหม่ที่เข้ามารองรับการปล่อยสินเชื่อ หากต้นทุนทางการเงินขึ้นสูงก็จะใช้วิธีการปรับเพิ่ม yield สินเชื่อที่มีให้กับผู้บริโภคสูงขึ้นตามต้นทุน โดยต้องดูอีกครั้งว่า yield จะกระทบกับ MTC มากน้อยเพียงใด แต่อย่างไรก็ตามบริษัทฯ จะพยายามรักษาหรือไม่ให้กระทบกับผู้บริโภคมากเกินไป เนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่เป็นรายย่อย และที่ผ่านมาก็เก็บดอกเบี้ยไม่สูง เมื่อเทียบกับตลาด


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ